ดีเอสไอ จับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า และสินค้าหลบหนีศุลกากรรายใหญ่ มูลค่าของกลางกว่า 50 ล้านบาท

published: 16/6/2560 15:53:59 updated: 16/6/2560 15:53:59 1073 views   TH
 

ดีเอสไอ จับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า

และสินค้าหลบหนีศุลกากรรายใหญ่ มูลค่าของกลางกว่า 50 ล้านบาท

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2560 เวลา 10.00 น. พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันเอก พินิจ ตั้งสกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับ คุณมาลา ตั้งประเสริฐ รองประธานคณะกรรมการ ปปท. ภาคเอกชน ในฐานะผู้แทนจากบริษัทซึ่งได้รับความเสียหาย ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจค้นจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและสินค้าหลบหนีศุลกากร ณ ห้องแถลงข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ แาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

 

สืบเนื่องมากจากการสืบสวนของ พันตำรวจโท นิรุติ พัฒนรัฐ ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 3 สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ทราบว่ามีขบวนการทุจริตซึ่งมีนายทุนเป็นต่างชาติ ลักลอบนำสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ โทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่โทรศัพท์ กระเป๋า เครื่องสำอาง และสินค้าอื่นๆ รวมทั้งมีสินค้าอื่นที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากรและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศเป็นจำนวนมาก มีการขนส่งสินค้ามากถึงครั้งละ 2 - 3 ตู้คอนเทนเนอร์ ลำเลียงมาเก็บพักไว้ในโกดังย่านถนนกาญจนาภิเษก หลังจากนั้นจะทยอยนำไปส่งให้กับลูกค้าซึ่งเป็นผู้ค้ารายย่อยทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมทางการเงินพบว่า ในระหว่างปี 2559 – ปัจจุบัน นายทุนนี้ได้มีรายได้จากการดำเนินกิจการมากกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งไม่มี
การเสียภาษีหรือเสียภาษีเงินได้ไม่ครบถ้วน จึงทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีตัวสินค้า และรวมถึงสูญเสียรายได้จากภาษีเงินได้ของเจ้าของธุรกิจ และถูกเพ่งเล็งว่าไม่ให้ความจริงจังต่อการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย อันมีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงรับกรณีดังกล่าวไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ

 

ต่อมา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2560 เจ้าหน้าที่สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา จึงได้นำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 3 จุด ดังนี้

1. โกดังเลขที่ 37/49 ถ.บางระมาด แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ตรวจพบมีการขนสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไว้ในโกดัง รวมถึงตรวจยึดรถตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรทุกสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและสินค้าหลบหนีศุลกากรได้ 1 คัน

2. โกดังเลขที่ 37/25 ถ.บางระมาด แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ตรวจพบมีการขนสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไว้ในโกดัง

3. ได้ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 555/32 หมู่บ้าน บี ฮาโมนี ราชพฤกษ์ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

 

จากการตรวจค้นดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และสินค้าหลบหนีศุลกากรได้มากกว่า 100,000 ชิ้น ซึ่งมีมูลค่าตามราคาท้องตลาดมากกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ติดตามผู้กระทำความผิดรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

เนื่องจากในปีนี้ประเทศไทยได้ถูกจัดอันดับตามมาตรา 301 พิเศษ ของประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่ในระดับ PWL (Prior watch list) ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาพร้อมที่จะทบทวนสถานะของประเทศให้ดีขึ้น ดังนั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความตั้งใจในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยเน้นในกลุ่มผู้ผลิต ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักร ผู้ค้ารายใหญ่ และสินค้าที่กระทบต่อผู้บริโภค เพื่อหวังให้ประเทศไทยจะได้ถูกปรับสถานะให้ดีขึ้น 

 

 

 

 

 

Documents related

Lasted Post

Related Post