สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๗
published: 9/4/2557 13:40:16 updated: 9/4/2557 13:40:16 1311 views THสรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๗
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
เรื่องที่ ๑ ตามที่ ศอ.รส. ได้มีข้อห่วงใยถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศไทย อันเป็นผลมาจากการชุมนุมของ กปปส. ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานนั้น ศอ.รส. ได้รับรายงานว่า มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ได้ออกรายงานฉบับล่าสุด ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นผลลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทย และคำวินิจฉัยทำให้เกิดความเสี่ยงว่าภาวะชะงักงันทางการเมืองจะยืดเยื้อต่อไปอีกเป็นเวลานานจนถึงครึ่งปีหลังของปี ๒๕๕๗ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงด้านลบต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีการประท้วงที่รุนแรงในวงกว้าง นอกจากนี้ จากรายงาน East Asia Economic Update 2014 ของธนาคารโลก ยังคาดการณ์ว่าในปี ๒๕๕๗ เศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวต่ำที่สุดในอาเซียน อยู่ที่ไม่เกินร้อยละ ๓ ขณะที่ประเทศในอาเซียนมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๔.๘ เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนของไทยยังอยู่ในระดับต่ำอันเนื่องมาจากปัญหาการประท้วงทางการเมือง และล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. จะปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอีกครั้ง จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ ๓-๔ เนื่องจากปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน ศอ.รส. จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะองค์กรในกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ ศอ.รส. ยังมีความเห็นว่าควรมีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดและขอเรียกร้องให้ประชาชนไม่เข้าร่วมในการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดๆ ที่ขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้ เรื่องที่ ๒ ตามที่แกนนำ กปปส. ได้ประกาศว่าจะเดินทางไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้ข้าราชการออกไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. และแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งตามแนวทางของ กปปส. นั้น ศอ.รส. ขอเรียนว่า ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔๓ ,๘๑ และ ๘๒ ได้กำหนดให้ข้าราชการมีเสรีภาพในการรวมกลุ่มได้ แต่ต้องไม่กระทบต่อประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดินและความต่อเนื่องในการจัดทำบริการสาธารณะ และต้องไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง นอกจากนี้ยังกำหนดให้ข้าราชการต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ และต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ราชการและในการปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน
ดังนั้น ศอ.รส. จึงมีความเห็นว่า การเรียกร้องของกลุ่ม กปปส. ให้ข้าราชการมาเข้าร่วมกับกลุ่ม กปปส. เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับข้าราชการในการทำงาน ดังเช่นการกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก เมื่อวานนี้ได้นำมวลชนไปที่กระทรวงยุติธรรมแล้วอภิปรายกดดันให้ข้าราชการเข้าร่วมกับ กปปส. ทั้งๆที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก เป็นผู้กระทำผิดฐานร่วมกันเป็นกบฎ มีหมายจับจากศาล ซึ่งปรากฎมีปลัดกระทรวงยุติธรรมลงมาต้อนรับและร่วมกันประชุมในลักษณะให้การรับรอง ซึ่งสมควรอย่างยิ่งที่ ศอ.รส. ต้องตำหนิ ทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และปลัดกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ในส่วนของปลัดกระทรวงยุติธรรมนั้นการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเพราะปลัดกระทรวงยุติธรรมมีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. คนอื่นๆ ถูกดำเนินคดีในคดีพิเศษถึง ๕๘ คน และมีหมายจับอยู่อีกด้วย ปลัดกระทรวงยุติธรรมควรจะได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนเข้าจับกุมดำเนินคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก มิใช่การให้การต้อนรับดังกล่าว
ดังนั้น ศอ.รส. จึงกำหนดเรียกเชิญปลัดกระทรวงทุกกระทรวงมาประชุมเพื่อกำชับ ตักเตือน และทำความเข้าใจต่อการปฏิบัติในเรื่องเช่นนี้ ในวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.๐๐ น. โดยกำหนดว่าปลัดกระทรวงทุกคนต้องมาเข้าประชุมด้วยตนเอง
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
______________________