DSI คัดค้านการออกเอกสารสิทธิแนวชายหาดอ่าวเลพัง คืนที่ชายหาดให้คนภูเก็ต

published: 26/6/2558 13:48:17 updated: 26/6/2558 13:48:17 811 views

ในวันนี้ (วันศุกร์ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘) นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าร่วมประชุมหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลกรณีการบุกรุกที่ดินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต กับ ผู้บริหารกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุที่ได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว จนกระทั่งได้เดินทางมาถึงที่ตั้งหน่วยพิทักษ์ป่าลายัน หมู่ที่ ๔ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต และได้เปิดแถลงข่าวแสดงพยานหลักฐานการบุกรุกพื้นที่ชายหาดสาธารณะหาดลายันและชายหาดอ่าวหาดเลพัง ดังนี้

DSI ได้ตรวจพบการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์แนวชายหาดอ่าวเลพังและหาดลายันระยะทางประมาณ ๒ กิโลเมตร โดยมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบและอยู่ระหว่างการออกโฉนดที่ดินอีกหลายแปลง มีการก่อสร้างกำแพงปิดกั้นที่สาธารณประโยชน์ เนื้อที่ประมาณ ๒๐๐ ไร่ มูลค่าไร่ละ ๗๐ ล้าน รวมมูลค่าที่รัฐได้รับความเสียหายประมาณ ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท

สืบเนื่องจากคณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติให้รับกรณีการบุกรุกที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถเป็นคดีพิเศษตามคำร้องขอของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จากการตรวจสอบที่ดินบริเวณที่เป็นที่ตั้งหน่วยพิทักษ์ป่าลายัน พบว่ามีการออกโฉนดที่ดินทับที่ตั้งหน่วยราชการดังกล่าวเป็นเนื้อที่ประมาณ ๖ ไร่ โดยมิชอบ จึงได้รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ จากการอ่านแปลวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศพบว่าในอดีตที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นทะเล แต่ต่อมาได้เกิดการทับถมของตะกอนทะเลจนเกิดเป็นแผ่นดินขึ้นมา ภายหลังได้มีผู้อ้าง ส.ค.๑ ของที่ดินแปลงอื่น ซึ่งระบุว่าเป็นที่สวน มาอ้างออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (ส.ค.๑ บิน) ซึ่งขัดกับข้อเท็จจริงในอดีตที่พบว่าเป็นทะเลไม่มีพื้นที่สวนแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบพบว่าตลอดแนวเขตชายทะเลลายันและชายหาดอ่าวเลพัง ต่อจากที่ดินแปลงดังกล่าวทางด้านทิศใต้เป็นระยะทาง ๒ กิโลเมตร พบว่ามีตะกอนทะเลทับถมเป็นแผ่นดินขึ้นมาเช่นกันมีเนื้อที่ประมาณ ๒๐๐ ไร่ และมีผู้นำเอา ส.ค.๑ ของที่ดินแปลงอื่น ซึ่งอ้างว่าเป็นสวนมะพร้าวมาอ้างออกโฉนดโดยมิชอบเช่นเดียวกัน นอกจากนี้มีการก่อสร้างกำแพงปิดกั้นตลอดแนวถนนสาธารณะแสดงการยึดถือครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวโดยมีการปักป้ายระบุเป็นที่ดินส่วนบุคคล ทั้งที่เป็นที่สาธารณประโยชน์ ที่ดินบริเวณนี้ในอดีต มีถนนสาธารณะเลียบชายทะเลเป็นตัวกั้นระหว่างที่ดินเอกชนและที่ชายหาดสาธารณะ เมื่อที่ดินงอกมาจากชายทะเล ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นที่สาธารณะ มิใช่งอกมาจากที่ดินของเอกชนแต่อย่างใด

กรมสอบสวนคดีพิเศษจะประสานความร่วมมือไปยังจังหวัดภูเก็ตเพื่อส่งพยานหลักฐานดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเพื่อขอให้ทำการตรวจสอบการยึดถือครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวโดยมิชอบเพื่อ “คืนที่ชายหาดสาธารณะให้เป็นสมบัติของคนภูเก็ตต่อไป”

สำหรับผู้ที่ได้กระทำผิดเข้ายึดถือครอบครองที่ดินในบริเวณนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณาเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษให้รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ และจะใช้มาตรการทางกฎหมายฟอกเงินมาบังคับใช้อย่างเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ครอบครองที่ดินของรัฐที่ได้กระทำผิดตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต่อไป