ป.ป.ส. ผนึก 7 หน่วยงาน เปิดยุทธการ “ขยายผลตัดวงจรการเงินเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 1” พุ่งเป้าทลายเครือข่ายยาเสพติด จับผู้ต้องหา ลุยยึดทรัพย์นักค้า 8 เครือข่าย ใน 4 วัน ประเดิมวันแรก 3 เครือข่าย จับผู้ร่วมขบวนการ 4 ราย ยึดทรัพย์กว่า 61.4 ล้านบาท
published: 7/5/2558 14:47:47 updated: 7/5/2558 14:47:47 2157 views TH
วันที่ 6 พฤษภาคม 2558 เวลา 11.00 น. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) พร้อมด้วย พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ และร้อยเอก สมพงษ์ สุขสงวน ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมแถลงเปิดยุทธการ “ขยายผลตัดวงจรการเงินเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 1” (6 - 9 พ.ค. 2558) โดยกำหนดดำเนินการ 4 วัน มุ่งตัดวงจรการเงินเพื่อทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ 8 เครือข่าย เป้าหมายบุคคลรวม 42 ราย พร้อมดำเนินการตรวจค้นที่ 44 พื้นที่ ใน 17 จังหวัด เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายนักค้า ยาเสพติด รวมมูลค่าประมาณ 77 ล้านบาท ณ ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส.
โดยเมื่อเวลา 05.30 น. ของวันนี้ (6 พฤษภาคม 2558) นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้เปิดยุทธการฯ ในวันแรก พร้อมให้นโยบาย/แนวทางการปฏิบัติแก่ชุดปฏิบัติการก่อนกระจายกำลังลงพื้นที่เป้าหมายดำเนินการพร้อมกัน 3 เครือข่าย เป้าหมายบุคคลรวม 10 เป้าหมายพื้นที่ 19 พื้นที่ ใน 6 จังหวัด ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพมหานคร (8) อ่างทอง (2) นครปฐม (2) ราชบุรี (2) กาญจนบุรี (3) และหนองบัวลำภู (2) จับผู้ต้องหาได้ 4 คน ยึดทรัพย์มูลค่าประมาณ 61.4 ล้านบาท ดังนี้
เครือข่ายที่ 1 เครือข่าย น.ช.ศักดา หรือตี๋ เลิศรัศมิทัศน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จับกุมนายยุทธนา หรือแบงค์ ทัพชู พร้อมยาบ้า 3,600 เม็ด โดยผู้ต้องหาให้การว่าตนสั่งซื้อยาบ้าจาก น.ส.เบญจพร หรือ เจ๊มด ศรีสุทัศน์ ซึ่งเป็นภรรยาของ น.ช.ศักดา หรือตี๋ เลิศรัศมิทัศน (ผู้ต้องขังคดียาเสพติดในเรือนจำกลางเขาบิน ซึ่งถูกจับกุมตามหมายจับในคดียาเสพติด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2555 เกี่ยวข้องกับคดีที่สำนักงาน ปปส.ร่วมกับ ตร.ภ.5 จับกุมนายสราวุธ แต่งงามและพวก พร้อมไอซ์ 94 กก.) ปัจจุบันพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ ออกหมายจับในข้อหาสมคบฯ จำนวน 2 ราย ได้แก่ (1) น.ช.ศักดา เลิศรัศมิทัศน (2) น.ส.เบญจพร ศรีสุทัศน์
วันนี้เมื่อเวลา 06.00 น. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายธำรงค์ ลิ้มชัยกิจ ที่ปรึกษาด้านการปราบปรามยาเสพติด นายสิทธิศักดิ์ กัลยาณประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด และ พ.ต.ท.ศิริมงคล สุขะปารมี สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.สำโรงเหนือได้นำกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงาน ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สภ.สำโรงเหนือ ตร.ภ.จว.สมุทรปราการ, บช.น.) และกองบัญชาการกองทัพไทย รวมทั้งสิ้นประมาณ 100 นาย เข้าปฏิบัติการกับเครือข่าย น.ช.ศักดา รวม 6 เป้าหมายบุคคล ใน 8 พื้นที่ปฏิบัติการ
โดยได้นำเจ้าหน้าที่ชุดแรกได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 40 ซอยนาคนิวาส 12 ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. พร้อมจับกุม น.ส.เบญจพร หรือ “เจ๊มด” ผู้ต้องหาเป้าหมายสำคัญ พร้อมเงินสดเกือบ 10 ล้านบาท และในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดอื่นได้เข้าตรวจค้นบุคคลในเครือข่ายที่เกี่ยวข้องอีก 5 จุดในพื้นที่ กทม. และ หนองบัวลำภู ดังนี้
1. บ้านเลขที่ 644 ถนนโชคชัย 4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม.
2. บ้านเลขที่ 85 หมู่ 12 ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู (ภูมิลำเนา น.ส.เบญจพร)
3. บ้านเลขที่ 26/147 ถนนเลียบคลองสอง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม.
4. บ้านเลขที่ 40/422 ซอยนวมินทร์ 111 แยก 2 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม.
5. บ้านเลขที่ 169/64 ถนนแยกสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม.
จากการปฏิบัติการสามารถ ยึด/อายัดบ้าน ที่ดิน ยานพาหนะ ทองรูปพรรณ บัญชีธนาคาร เงินสด 9.97 ล้านบาท รวมยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่าย “น.ช.ศักดา หรือตี๋” ได้กว่า 43.05 ล้านบาท
เครือข่ายที่ 2 เครือข่าย น.ช. สมชาย หลาบเจริญ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16-17 มีนาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา จับกุมนายสามารถ แจ่มกระจ่าง และได้ขยายผลไปจับกุมนางสมพิศ แตงอ่อน พร้อมของกลางยาบ้า 38,000 เม็ด ไอซ์ 850 กรัม สอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าทำหน้าที่เก็บพักและจำหน่ายยาเสพติดให้กับ น.ช. สมชาย หรือโก๊ะ หลาบเจริญ (ผู้ต้องขังเรือนจำกลางอยุธยา ซึ่งถูกจับกุมในคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2547 ของกลางยาบ้า 8,000 เม็ด ที่ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง) โดยมีนางสาหร่าย ดีพลา มารดา น.ช.สมชายฯ และนางวันเพ็ญ ดีพลา เป็นผู้ร่วมงานและดำเนินการเรื่องการเงินภายนอกเรือนจำ พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับในข้อหาสมคบฯ จำนวน 3 ราย ได้แก่ (1) น.ช.สมชาย หลาบเจริญ (2) นางสาหร่าย ดีพลา (3) นางวันเพ็ญ ดีพลา
วันนี้เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. นายสงวนศักดิ์ ศรีวัฒนพงศ์ ผอ.ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ปปส.ภาค 1 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ภ.จว. พระนครศรีอยุธยา ภ.จว.อ่างทอง ภ.จว.กาญจนบุรี) สำนักงาน ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครอง รวมทั้งสิ้นประมาณ 145 นาย เข้าปฏิบัติการกับเครือข่าย น.ช.สมชาย รวม 4 เป้าหมายบุคคล ใน 8 พื้นที่ปฏิบัติการ (กรุงเทพมหานคร อ่างทอง นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี และนครราชสีมา)
โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 53 ม.4 ต.คลองวัว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง เข้าจับกุมนางสาหร่าย ดีพลา และตรวจค้นบ้านเลขที่ 3/2 ม.4 ต.คลองวัว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง จับกุมนางวันเพ็ญ ดีพลา และในขณะเดียวกันได้จับกุมนางสาวดุจดาว พิสูตร หรือ พิชญาฎา เอกวัฒนาพิพัฒน์ ขณะเดินทางไปเยี่ยมสามีที่เรือนจำกลางคลองไผ่ ทั้ง 3 เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 ใน 4 ราย และในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดอื่นได้เข้าตรวจค้น ยึดอายัด ทรัพย์ผู้ต้องหาที่อยู่ในหมายจับอีก 1 ราย ในพื้นที่จำนวน 6 จุด ดังนี้
1. บ้านเลขที่ 79 ซ.สวนสยาม 22 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม.
2. บ้านเลขที่ 206 ม.1 ต.รางหวาย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
3. บ้านเลขที่ 201 ม.1 ต.รางหวาย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
4. บ้านเลขที่ 33/1 ม.1 ต.รางหวาย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
5-6. จังหวัดนครปฐมอีก 2 จุด
จากการปฏิบัติการสามารถอายัดที่ดิน 25 ไร่ รถจักรยานยนต์ 1 คัน บัญชีธนาคาร 11 บัญชี เงินสด 70,000 บาท ทองรูปพรรณ 2 รายการ วัวพันธุ์ 6 ตัว รวมยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่าย “น.ช. สมชาย หรือโก๊ะ” ได้กว่า 17.85 ล้านบาท
เครือข่ายที่ 3 เครือข่าย น.ช.โสรส พงษ์ศักดิ์ขจร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2556 เรือนจำกลางเขาบิน ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ราชบุรี จับกุม น.ส.หนึ่งฤทัย นวมอารีย์ (ภรรยา น.ช.โสรส) พร้อมของกลางไอซ์ 650 กรัม ขณะลักลอบนำเข้าไปในเรือนจำกลาง เขาบิน โดย น.ช. โสรส (ผู้ต้องขังคดียาเสพติดในเรือนจำกลางเขาบิน ถูกจับกุมในคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 พร้อมพวกรวม 3 คน ของกลางยาบ้า 2,479 เม็ด ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี) และขณะอยู่ในเรือนจำก็ยังมีพฤติการณ์สั่งยาเสพติดโดยให้ญาติและผู้ใกล้ชิดลักลอบนำเข้ามาให้จนถูกจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งในครั้งนั้นได้ยึดอายัดทรัพย์สินไปแล้วหลายรายการ
จากนั้น สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการสืบสวนติดตามเพิ่มเติมเรื่อยมาจนทราบว่ายังมีทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดหลงเหลืออยู่ ดังนั้นวันนี้เมื่อเวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่จาก สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 40 นาย เข้าปฏิบัติการใน 1 พื้นที่ปฏิบัติการ โดยเข้าตรวจค้นและยึดอายัดทรัพย์สิน ได้แก่ ที่ดินของ น.ญ.หนึ่งฤทัย จำนวน 2 แปลง ในพื้นที่ จ.ราชบุรี และ จ.กาญจนบุรี มูลค่าประมาณ 500,000 บาท
นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ยุทธการ “ขยายผลตัดวงจรการเงินเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 1” นี้ เป็นความร่วมมือและบูรณาการการทำงานร่วมกันของ 7 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปราม ยาเสพติด ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมการปกครอง และสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration : DEA) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยมุ่งเป้าหมายที่ดำเนินการตามกฎหมายตามหลักฐานที่มีหรือสาวไปถึงโดยจะยึดทรัพย์ จับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำลายเครือข่ายและโครงสร้างการค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดของประเทศ เป็นเครือข่ายที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวและมีศักยภาพในการจัดหายาเสพติดจากกลุ่มผู้จำหน่ายในพื้นที่ชายแดนลักลอบลำเลียงนำมาเก็บพักในพื้นที่ตอนในและให้เครือข่ายจำหน่ายให้กลุ่มลูกค้ายาเสพติดโดยจะกระจายยาเสพติดไปทั่วทุกพื้นที่ภาค โดยการใช้อำนาจของกฎหมายตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 (มาตรการสมคบ และอายัดทรัพย์สิน) รวมไปถึงมาตรการตามกฎหมายฟอกเงินเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการปราบปรามนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ที่ผู้มีบทบาทเป็นนายทุน ผู้สั่งการหรือผู้อยู่เบื้องหลังที่รับผลประโยชน์จากการค้ายาเสพติดไม่ว่าจะโดยการครอบครองทรัพย์สินต่างๆ ทั้งในชื่อตนเองหรือของบุคคลอื่น รวมไปถึงกระทำการฟอกเงินในลักษณะใดๆ โดยใช้มาตรการริบทรัพย์เป็นสำคัญ เพื่อลิดรอนหรือตัดวงจรทางการเงินของเครือข่ายการค้ายาเสพติด โดยใน 4 วันนี้จะดำเนินการต่อเนื่องเพื่อทำลาย 8 เครือข่ายสำคัญ รวมเป้าหมายบุคคล 42 ราย และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเขาบิน และเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา อีก 3 ราย ตรวจค้นเป้าหมายพื้นที่ 44 พื้นที่ 17 จังหวัด เพื่อยึดอายัดทรัพย์สิน เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องได้ประมาณ 77 ล้านบาท และจะสรุปผลรวมของยุทธการนี้อีกครั้งในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้” พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในที่เกิดเหตุ เป็นการจับตามอนุมัติของ เลขาธิการ ป.ป.ส. ในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มีโทษเท่าตัวการโดยในคดีนี้มีระวางโทษสูงสุดประหารชีวิต”