สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๗

published: 18/3/2557 13:34:06 updated: 18/3/2557 13:34:06 1339 views   TH
 

สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม  ๒๕๕๗  

 

 

ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้

 

๑. จากการที่ ศรส. เห็นควรให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  พ.ศ. ๒๕๕๑  ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล แทนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ  เนื่องจากสถานการณ์ด้านการชุมนุมต่อต้านทั้งของกลุ่ม กปปส. และกลุ่มอื่น ๆ ตลอดจนเหตุร้ายแรงต่าง ๆ ได้ลดระดับลงมากแล้ว  อีกทั้งจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศทั้งในเชิงการลงทุน ธุรกิจ และการท่องเที่ยว รวมถึงการดำรงชีพและการทำมาหากินของประชาชนโดยรวมด้วย และในวันนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๙ มีนาคม ถึง ๓๐ เมษายน นี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน. จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าว รวมถึงการพิจารณาจัดโครงสร้างเพื่อการบริหารจัดการและการสนธิกำลังของหน่วยงานต่าง ๆ อันได้แก่ ตำรวจ ทหาร และพลเรือน เพื่อทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ที่จะกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรต่อไป

 

๒. ศรส.ได้รับรายงานจากสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เกี่ยวกับการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมอันเนื่องมาจากการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุชุมนุมเป็นต้นมา  ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักธุรกิจลดลงอย่างต่อเนื่อง  จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลง เนื่องจากหลายประเทศได้ประกาศเตือนพลเมืองของตนเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย และมีการยกเลิกหรือเลื่อนการจัดประชุมในประเทศไทยอีกหลายรายการ ประการสำคัญคือ เหตุการณ์ความไม่สงบได้ส่งผลให้ประชาชนชะลอการจับจ่ายใช้สอย และภาคธุรกิจชะลอการลงทุนเนื่องจากไม่มั่นใจในเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงเป็นลำดับจนปัจจุบันดัชนีอยู่ที่ ๖๑.๔ ส่วนความเชื่อมั่นภาคธุรกิจลดลงเป็นลำดับจนปัจจุบันดัชนีอยู่ที่ ๔๕.๔  ซึ่งเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง และตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งเดิม สศช. ได้ประมาณการไว้ที่ร้อยละ ๔.๐ – ๕.๐ จะต้องปรับลดลงเหลือเพียงร้อยละ ๓.๐ – ๔.๐  ศรส.จึงขอให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมทุกกลุ่ม  ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส. กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มใด ๆ ตระหนักถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อประเทศชาติในระยะยาว และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้วยสันติวิธีโดยเร็วเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นส่วนรวม

 

๓. ศรส.ได้พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมปิดกรุงเทพมหานครของ กปปส. ตามที่คณะทำงานฯ ที่มีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประธาน แล้ว มีมติเห็นชอบตามแนวทางที่คณะทำงานฯ เสนอ ดังนี้

 

(๑) ขอบเขตการให้ความช่วยเหลือนั้น  จะให้การช่วยเหลือแก่ประชาชนหรือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงธุรกิจขนาดใหญ่ ในเขตพื้นที่ชุมนุม  และนอกเขตพื้นที่ชุมนุมที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม นับแต่เกิดเหตุชุมนุมและภายหลังการชุมนุมด้วย

 

(๒) หลักเกณฑ์การช่วยเหลือ กรณีประชาชน จะต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายแก่ร่างกาย โดยมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ส่วนกรณีผู้ประกอบการธุรกิจ ต้องอยู่ในระบบเสียภาษีโดยมีหลักฐานการประกอบธุรกิจชัดเจน

 

(๓) มาตรการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่

- มาตรการทางการเงิน ได้แก่ ด้านการยืดระยะเวลาชำระเงินต้น สนับสนุนเงินทุน โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย จะประสานขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่าง ๆ

- มาตรการส่งเสริมการตลาด  ได้แก่ จัดกิจกรรมเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าและบริการ โดยมีกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รับผิดชอบ

- มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ได้แก่ การลดต้นทุนการผลิต ปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการผลิต การฝึกอบรมผู้ประกอบการ โดยมี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน และ สสว. รับผิดชอบ

- มาตรการผ่อนปรนการชำระภาษี ได้แก่ การขยายกำหนดเวลายื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม ขยายเวลาการส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ขยายเวลายื่นชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน โดยมีกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบ

- มาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายระยะสั้น ได้แก่ การให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้น การผ่อนปรนค่าสาธารณูปโภค การลดค่าเช่า การจัดหาสถานที่ทำการค้า โดยมีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ รับผิดชอบ

- มาตรการแรงงาน ได้แก่การให้เงินช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อรักษาสภาพการจ้างงาน โดยมีกระทรวงแรงงานรับผิดชอบ

 

(๔) ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นศูนย์รับแจ้งผลกระทบจากประชาชนและผู้ประกอบการ และประสานการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   ทั้งนี้ ศรส.จะได้เสนอแนวทางดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยเร่งด่วนต่อไป

 

 

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน

______________________  

Lasted Post

Related Post