สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗
published: 1/5/2557 13:21:53 updated: 1/5/2557 13:21:53 1357 views TH
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
เรื่องที่ ๑ ศอ.รส. ขอแสดงความยินดีและชื่นชมที่การประชุมระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กับคณะของนายกรัฐมนตรี
เมื่อวานนี้ได้ประสบความสำเร็จในการกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ นี้ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญอันจะนำมาซึ่ง
ความสงบเรียบร้อยของประเทศในเร็ววัน เพราะการเลือกตั้งจะทำให้ความขัดแย้งของกลุ่มมวลชนต่างๆ ได้ยุติลง แล้วมุ่งหวังใช้สิทธิในการ
เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบ ซึ่ง ศอ.รส. จะได้เสนอ กกต. แต่งตั้ง
คณะทำงานร่วมกันระหว่าง กกต.กับ ศอ.รส. เพื่อเตรียมการต่างๆ ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม และป้องกันการ
ขัดขวางการเลือกตั้งด้วย โดยผู้อำนวยการ ศอ.รส. จะได้มีหนังสือเรียนแจ้งประธานกกต. เพื่อเสนอการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันดังกล่าวต่อไป
เรื่องที่ ๒ ศอ.รส. ได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณกับพวกแกนนำ กปปส. ถูกกล่าวหาว่า
กระทำผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏฯ ว่า ในวันนี้ เวลา ๑๔.๐๐ น. จะได้นำสำนวนการสอบสวน พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาชุดแรก
รวม ๕๘ คน ไปส่งมอบให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยข้อหาฐานความผิดที่เห็นควรสั่งฟ้อง คือ ร่วมกันเป็นกบฎ,
กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดง
ความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณา
จักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือ
กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก
ไปแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงาน งดจ้าง เพื่อบังคับรัฐบาลฯ และร่วมกันบุกรุก ร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย
เลือกตั้งและร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต.
สำหรับผู้ต้องหาชุดแรกที่มีความเห็นควรสั่งฟ้องในฐานความผิดเดียวกันข้างต้น ได้แก่
๑. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
๒. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย
๓. นายชุมพล จุลใส
๔. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
๕. นายอิสสระ สมชัย
๖. นายวิทยา แก้วภราดัย
ปุณณกันต์
๗. นายถาวร เสนเนียม
๘. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
๙. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
๑๐. นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
๑๑. นายนิติธร ล้ำเหลือ
๑๒. นายอุทัย ยอดมณี
๑๓. เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์
๑๔. พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ
๑๕. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
๑๖. นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์
๑๗. นายสุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์
๑๘. นายสมบูรณ์ ทองบุราญ
๑๙. นางสาวจิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี
๒๐. นายสาธิต ปิตุเตชะ
๒๑. นายสกลธี ภัททิยกุล
๒๒. นายทศพล เพ็งส้ม
๒๓. นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์
๒๔. นายแก้วสรร อติโพธิ
๒๕. นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
๒๖. นายเสรี วงษ์มณฑา
๒๗. นายกิตติศักดิ์ ปรกติ
๒๘. นายถนอม อ่อนเกตุพล
๒๙. นายชาญวิทย์ วิภูสิริ
๓๐. นายไพบูลย์ นิติตะวัน
๓๑. พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์
๓๒. นายสุริยะใส กตะศิลา
๓๓. นายพิภพ ธงไทย
๓๔. นายบุญยอด สุขถิ่นไทย
๓๕. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
๓๖. นายพิจารณ์ สุขภารังษี
๓๗. นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี หรือนายอมร อมรรัตนานนท์
๓๘. นายพิชิต ไชยมงคล
๓๙. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
๔๐. หลวงปู่พุทธะอิสระ หรือพระสุวิทย์ ธีรธรรมโม หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ
๔๑. นายสาวิทย์ แก้วหวาน
๔๒. นายสาธิต เซกัล
๔๓. นายกิตติชัย ใสสะอาด
๔๔. นายคมสันต์ ทองศิริ
๔๕. นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม
๔๖. นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ
๔๗. นายมั่นแม่น กะการดี
๔๘. นายประกอบกิจ อินทร์ทอง
๔๙. นายนัสเซอร์ ยีหมะ
๕๐. นายพานสุวรรณ ณ แก้ว
๕๑. นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด
๕๒. นายสำราญ รอดเพชร
๕๓. นางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ
๕๔. นางสาวรังสิมา รอดรัศมี
๕๕. นางทยา ทีปสุวรรณ
๕๖. พล.อ.ท. วัชระ ฤทธาคนี
๕๗. พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ
๕๘. นายถวิล เปลี่ยนศรี
อนึ่ง เฉพาะผู้ต้องหา ๖ คนที่ได้เข้ามอบตัวแล้ว ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติม จึงจะได้ส่งตัวต่อพนักงานอัยการในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ๑. นายสาธิต ปิตุเตชะ ๒. นายสกลธี ภัททิยกุล ๓. นายทศพล เพ็งส้ม ๔. นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ๕. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และ ๖. นางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ
สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชุดที่ ๒ ซึ่งนอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้ง ๕๘ คนดังกล่าว แม้จะไม่ใช่แกนนำหลักของ กปปส. แต่ก็มีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นผู้เข้าร่วมกระทำผิดด้วย โดยเฉพาะข้อหาฐานความผิดร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งมีจำนวนผู้ต้องหาอีกประมาณ ๓๐๐ คน โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ อันประกอบด้วยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพนักงานอัยการ จะได้เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ นี้เช่นกัน
ศอ.รส. ขอเรียนย้ำต่อพี่น้องประชาชนว่า การดำเนินคดีดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมตามปกติของหน่วยงานถึง ๓ หน่วยงาน มีความโปร่งใสและตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งหรือช่วยเหลือแต่อย่างใด และเป็นที่ชัดเจนว่า แม้การเข้าร่วมการชุมนุมจะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่หากมีการกระทำผิดต่อกฎหมายอย่างหนึ่งอย่างใดในการเข้าร่วมชุมนุมแล้ว ท่านก็จะต้องถูกดำเนินคดีทุกคนไปโดยไม่มีการละเว้น ท่านจึงควรใช้วิจารณญาณหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมชุมนุมดังกล่าว
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน