สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗

published: 16/5/2557 13:16:40 updated: 16/5/2557 13:16:40 1156 views   TH
 
 สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ 
 
 
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
 
เรื่องที่ ๑ ศอ.รส. ขอประนามผู้ที่ก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม ๗๙ และปืนเอ็ม ๑๖ เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ ๑๔ พฤษภาคมที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตขณะนี้ ๓ ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ศอ.รส. มีความกังวลอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น จึงขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสารต่างๆ และงดเว้นการเข้าร่วมชุมนุมไม่ว่ากับกลุ่มใดๆ เนื่องจากขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก แม้ว่า ศอ.รส. จะได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นแล้วก็ตาม      
 
 
นอกจากนี้ จากการตรวจยึดวัตถุระเบิดและสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมากได้จากบริเวณสวนลุมพินีซึ่งเคยเป็นสถานที่ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. จึงเป็นที่ชัดเจนว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. นั้นมีการสะสมอาวุธร้ายแรง และไม่ใช่การชุมนุมที่สงบและปราศจากอาวุธ ดังนั้น การเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ร่วมชุมนุมได้
 
 
ศอ.รส. ขอเรียนย้ำกับพี่น้องประชาชนว่า ศอ.รส. ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุร้ายที่เกิดขึ้น แม้ส่วนหนึ่งจะมาจากการย้ายที่ชุมนุมของ กปปส. จากสวนลุมพินีมายังถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นสถานที่เปิดและยากต่อการควบคุมเหตุร้าย และไม่มีการแจ้งประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงการย้ายที่ชุมนุมมาก่อน โดย ศอ.รส. ก็ได้กำชับการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว และได้วางแผนคุ้มครองป้องกันจากนี้ต่อไปให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอยืนยันว่า พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่บังคับใช้อยู่ในขณะนี้ สามารถบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ได้ทุกมิติ ทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายพลเรือน และหากเหตุการณ์ยกระดับความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ก็ยังมีพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่จะนำมาบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป และการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะดังกล่าวยังเป็นไปตามหลักสากลอันเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปอีกด้วย
 
 
เรื่องที่ ๒ ตามที่ ศอ.รส. ได้มีแถลงการณ์ ฉบับที่ ๘ เรื่อง ข้อเรียกร้องและแจ้งเตือนสมาชิกวุฒิสภา รวมถึงกลุ่มต่างๆ ให้ยุติการคัดเลือกและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (นายกรัฐมนตรี มาตรา ๗) เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ศอ.รส. มีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการกระทำในสิ่งที่นอกเหนือกฎหมาย โดยเฉพาะการพยายามแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะไม่สามารถทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่คลี่คลายลงได้ แต่กลับจะเพิ่มความขัดแย้งและความแตกแยกมากขึ้นในหมู่ประชาชนผู้เห็นต่างและยึดถือในบทบัญญัติของกฎหมาย และ ศอ.รส. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสนับสนุนแนวทางตามรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยด้วยการผลักดันให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ชอบธรรมและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย อันจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของบ้านเมืองในขณะนี้ได้อย่างยั่งยืน
 
 
ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอเน้นย้ำว่า บุคคลและกลุ่มบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวพันกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกในความพยายามที่คัดเลือกแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา ๗ ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจมีความผิดและอาจถูกดำเนินคดีฐานให้การสนับสนุน หรือเป็นตัวการร่วมสมคบคิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณกับพวกไปด้วย ซึ่ง ศอ.รส. จะติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอเรียนย้ำว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. เป็นผู้ต้องหาในคดีอุจฉกรรจ์หลายข้อหา โดยเฉพาะข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง ร่วมกันเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจร และข้อหาอื่นๆ อีกรวม ๑๐ ข้อหา ซึ่งพนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องแกนนำชุดแรกแล้ว ๕๑ คน และศาลได้อนุมัติหมายจับไว้เดิม ๘ คน และอนุมัติหมายจับใหม่เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคมที่ผ่านมานี้อีก ๓๐ คน รวมเป็น ๓๘ คน ส่วนที่เหลือได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอื่นอยู่แล้ว ซึ่งศาลจะได้ออกหมายสั่งให้นายประกันส่งตัวมาฟ้องในคดีนี้อีก ๑๓ คน
 
 
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
 
     ______________________ 
 

Lasted Post

Related Post