สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗
published: 20/3/2557 16:27:04 updated: 20/3/2557 16:27:04 1415 views THสรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
เรื่องที่ ๑ ศอ.รส.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษถึงการดำเนินคดีพิเศษกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม ๕๘ คน ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่น ๆ ว่า คณะพนักงานสอบสวนอันประกอบด้วย พนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการของสำนักงานอัยการสูงสุด จะได้นำเอาความผิดฐานร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง มารวมกับความผิดในคดีพิเศษดังกล่าว เพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา โดยถือว่าเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน และแม้ว่าการออกหมายเรียกแกนนำ กปปส. อีกครั้งในสัปดาห์นี้จะไม่มีแกนนำ กปปส. มารับทราบข้อกล่าวหาก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษดังกล่าวก็จะสรุปสำนวนคดีของแกนนำทั้ง ๕๘ คน เสนอพนักงานอัยการภายในอีก ๓๐ วันนับจากวันนี้ เพราะมีเงื่อนระยะเวลาเกี่ยวกับการฝากขังผู้ต้องหาบางคนที่ถูกจับตัวได้ จะต้องดำเนินการส่งสำนวนให้พนักงานอัยการก่อนครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย และหากในที่สุดเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำทั้ง ๕๘ คน หากมีคนใดที่ยังไม่ได้ตัวเข้ามาในคดี ก็จะได้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับต่อไป ซึ่งการออกหมายจับในกรณีเช่นนี้จะแตกต่างจากการขอออกหมายจับชั้นสอบสวน แต่เป็นการขอออกหมายจับชั้นพนักงานอัยการ ซึ่งในข้อบังคับประธานศาลฎีกาถือว่าคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการเป็นหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำผิดอาญาแล้ว จึงเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะออกหมายจับให้ ดังนั้น การที่แกนนำ กปปส. ที่ถูกดำเนินคดีไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงไม่เป็นผลดีต่อตัวผู้ต้องหาเลย ศอ.รส.จึงแนะนำพนักงานสอบสวนเปิดโอกาสแก่ผู้ต้องหาอีกครั้งหนึ่งด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนว่า หากผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส. คนใด ต้องการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อให้การต่อสู้คดี ก็ขอให้ติดต่อ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑ ๖๒๓ ๘๔๑๐ เพื่อติดต่อนัดหมายก่อนที่จะมีการสรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการดังกล่าว ซึ่งการจะนัดหมายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีควรเป็นก่อนวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗
เรื่องที่ ๒ ศอ.รส. ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้
๑) คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น ๑๙๔ คดี แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๕๑ คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน ๑๔๓ คดี
๒) คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น ๑๗๘ คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๖๖ คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน ๑๑๒ คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น ๓๗๒ คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น ๑๙๓ คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว ๑๕๒ คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง ๑,๗๑๓ คน ศอ.รส. จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
อนึ่ง ศอ.รส.ขอย้ำเตือนว่า โทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และ ป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้ เรื่องที่ ๓ ศอ.รส. ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า ศอ.รส. มีนโยบายในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นแกนนำ กปปส. หรือบุคคลอื่นใด ทั้งที่มีการออกหมายจับแล้วและกำลังจะออกหมายจับ โดยเจ้าพนักงานได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินคดีต่างๆ มีความคืบหน้าไปมากในช่วงที่ผ่านมาอาทิเช่น กรณีที่พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพธรรม รวมจำนวน ๒๖คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และมั่วสุมกันตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไป พร้อมสำนวนการสอบสวนและความเห็นสมควรสั่งฟ้อง จากเหตุการณ์บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีต่อไป หรือกรณีการจับกุมตัวนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือมือปืนป๊อปคอร์น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นต้น โดยเฉพาะกรณีของมือปืนป๊อปคอร์นนั้น แสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของ กปปส. มิได้เป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธแต่อย่างใด ทั้งนี้ ศอ.รส. จะได้กำกับดูแลและเร่งรัดให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยรอบคอบ รวดเร็ว และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อป้องปรามผู้ที่จะกระทำความผิด และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย มิให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะกระทำความผิดในอนาคต จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
______________________