สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๗

published: 8/4/2557 14:18:12 updated: 8/4/2557 14:18:12 1181 views   TH
 

สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๗  

 

ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้  

เรื่องที่ ๑ ตามที่ได้มีการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ ๕-๗ เมษายนที่ผ่านมา ศอ.รส. ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ โดยเข้าร่วมการชุมนุมด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่ม นปช. โดยไม่มีการเผชิญหน้าหรือเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือนภายใต้การกำกับดูแลของ ศอ.รส. และการควบคุมการปฏิบัติของ พล.ต.อ. วรพงษ์    ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศอ.รส. ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลา ๓ วัน เพื่อดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุม สำหรับการชุมนุมใหญ่ที่จะจัดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ศอ.รส. ก็จะบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือน เพื่อดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมายเช่นเดียวกับการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา   อย่างไรก็ตาม ศอ.รส. มีความห่วงใยเป็นอย่างมาก เพราะแกนนำทั้งสองฝ่ายได้พยายามจะปลุกระดมให้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก และมีลักษณะท้าทายแข่งขันกัน ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุของการปะทะหรือเผชิญหน้า รวมถึงการก่อเหตุร้ายด้วย ซึ่ง ศอ.รส. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและวางแผนป้องกันเหตุร้ายแรงให้ดีที่สุด อนึ่ง สำหรับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๗ บริเวณซอยลิขิต ใกล้เคียงกับการชุมนุมของกลุ่ม คปท. เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ ๒ นายขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนดูแลความเรียบร้อยนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า แนววิถีกระสุนเป็นการยิงมาจากแนวบังเกอร์ของกลุ่ม คปท. จากเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คปท. ซึ่งเป็นเครือข่ายของ กปปส. ได้ใช้ความรุนแรงตลอดเวลาและไม่มีการละเว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย จึงควรแก่การถูกประนามเป็นอย่างยิ่ง  

 

เรื่องที่ ๒ ศอ.รส. ได้นำเอาพฤติการณ์ของการที่แกนนำ กปปส. ได้ร่วมประชุมใหญ่แล้วมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยเมื่อวันที่ ๕ เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งนายสุเทพฯ ได้ขอให้แกนนำเครือข่ายเตรียมเรียกระดมพลในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย โดยนายสุเทพฯ ได้กล่าวปราศรัยมีใจความสำคัญว่า “คราวนี้จะยึดอำนาจประเทศไทย เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยตั้งแต่การประกาศยุบสภา ดังนั้นจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของประชาชน” และยังกล่าวด้วยว่า “จากนั้นจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีของประชาชน และตนจะนำรายชื่อนายกรัฐมนตรีและ ครม. กราบบังคมทูลเกล้าฯ โดยตนจะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ ฐานะเป็นร่างทรงของประชาชน จากนั้นจะตั้งสภานิติบัญญัติของประชาชน และรีบปฏิรูปประเทศตามพิมพ์เขียวที่ได้มีการระดมความคิดไว้ก่อนหน้านี้”  เมื่อได้พิจารณาถ้อยคำดังกล่าว ประกอบกับพฤติการณ์อื่นๆ แล้ว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก มีเจตนากระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และยังเป็นการแสดงเจตนาโดยชัดแจ้งในองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๓ ดังนั้น ศอ.รส. จึงได้กำชับให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ อันประกอบด้วยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำเอาถ้อยคำและพฤติการณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณกับพวกแกนนำที่ได้ร่วมประชุมแล้วมีมติประกาศแก่ประชาชนดังกล่าว มาเป็นส่วนหนึ่งของพยานหลักฐานในการดำเนินคดี และเร่งรัดดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม ๕๘ คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่น ๆ ที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน เช่น การขัดขวางการเลือกตั้ง และการบุกรุกสถานที่ราชการ โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งศาลอาญาได้ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ และข้อหาอื่นๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๓, ๑๑๖, ๒๑๕ และ ๒๑๖ ไว้แล้ว  

 

นอกจากนี้ ศอ.รส. มีความกังวลอย่างยิ่งว่า คำพูดดังกล่าวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก จะสร้างความขัดแย้งมากขึ้นในหมู่ประชาชน เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงและการเผชิญหน้ากันได้ ศอ.รส. จึงขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมาบนหลักความยุติธรรม เพื่อลดความขัดแย้งวุ่นวายที่เกิดขึ้นและทำให้ประเทศชาติกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด  

 

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน    

 

 ______________________

Lasted Post

Related Post