สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๗
published: 29/4/2557 13:26:16 updated: 29/4/2557 13:26:16 1259 views TH
สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๗
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
เรื่องที่ ๑ เมื่อวานนี้ คือวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๗ คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติขยายเวลาการบังคับใช้ประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ ๓๐ เมษายนนี้ ออกไปอีก ๖๑ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม – ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ เนื่องจากมีความจำเป็นในการบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร และพลเรือนเพื่อดูแลสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้ยังมีการเผชิญหน้ากันระหว่างมวลชน มีแนวโน้มการใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพื่อดูแลความเรียบร้อยในการจัดการเลือกตั้งตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้ร้องขอ ซึ่งจะมีขึ้นในเร็ววันนี้ด้วย
ศอ.รส. ขอเรียนว่า ศอ.รส. จะกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติงานรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันและระงับยับยั้งเหตุร้ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง ศอ.รส. ได้มีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ และปรับแผนการปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เรื่องที่ ๒ศอ.รส. ได้รับทราบเกี่ยวกับบทวิเคราะห์การเมืองไทยโดยเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๗ โดยระบุว่า มีสัญญาณบอกเหตุว่าจะมีเหตุร้ายรุนแรงเกิดขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ตึงเครียดในปัจจุบัน โดยเฉพาะการต่อสู้ระหว่างฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่เตรียมถอดถอนนายกรัฐมนตรีโดยใช้คดีความทางกฎหมายกับกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลที่กำลังรวบรวมคนในต่างจังหวัด และการต่อสู้ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศเศรษฐกิจ และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ดังกล่าวระบุว่า สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือขณะนี้ยังไม่มีทางออกสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น
บทวิเคราะห์นี้สอดคล้องกับข้อห่วงใยของ ศอ.รส. ว่าจะเกิดเหตุรุนแรงจากการเผชิญหน้ากันระหว่างมวลชน ดังนั้น ศอ.รส. จึงขอเรียกร้องให้ทุกองค์กรและทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงเรียกร้องให้แกนนำมวลชนกลุ่มต่างๆ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน และเข้าสู่กระบวนการเจรจาเพื่อให้ชาติบ้านเมืองกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
เรื่องที่ ๓ ศอ.รส. ได้รับทราบกรณีมีการนำเสนอภาพถ่ายเอกสาร ซึ่งนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ที่ได้ทำบันทึกไปถึง พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สนับสนุนให้ พ.ต.ท. ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับ ให้ไปขึ้นเป็นผู้กำกับการ โดยให้เหตุผลว่าได้ช่วยดูแลการปฏิบัติภารกิจของประธานศาลปกครองสูงสุดในหลายโอกาส ซึ่ง ศอ.รส. มีความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจอย่างชัดเจน ซึ่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองก็ได้ออกมาแถลงรับว่าได้ทำบันทึกดังกล่าวจริง และแม้จะพยายามอธิบายว่าเป็นเพียงการชื่นชมข้าราชการตำรวจคนดังกล่าวของประธานศาลปกครองสูงสุดเท่านั้น
แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาของการทำบันทึกและการออกมายอมรับดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำที่สมควรตำหนิและประนามอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกระทำผิดต่อจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ โดยผู้นำสูงสุดของฝ่ายตุลาการในศาลปกครอง ทั้งๆที่ศาลปกครองสูงสุดเพิ่งจะมีคำพิพากษาว่าการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีนั้นเป็นการใช้ดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีโดยมิชอบ ซึ่งก็ยังเป็นข้อสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมอยู่ด้วยแต่กระนั้น การกระทำของนายกรัฐมนตรีก็ยังเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของการบริหารราชการแผ่นดิน ในขณะที่การกระทำของเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองกับประธานศาลปกครองสูงสุดในกรณีนี้ เป็นการกระทำที่ไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจเลย ซ้ำร้ายกลับเป็นการกระทำผิดต่อจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้งด้วย แม้ว่า ศอ.รส. จะไม่มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินคดีในกรณีนี้ก็ตาม แต่ ศอ.รส. ก็ห่วงใยว่า กรณีนี้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะเพิ่มความไม่เชื่อถือคำพิพากษาคดีของนายกรัฐมนตรี เรื่องการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อันจะนำไปเป็นประเด็นเพิ่มความขัดแย้งของคน ๒ กลุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นภารกิจของ ศอ.รส. ด้วยที่จะต้องแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในที่สุด ศอ.รส.จึงขอเรียกร้องให้บุคคลทั้งสองในศาลปกครองดังกล่าวพิจารณาตนเองด้วย
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน