“สารพันธุกรรมจากกระดูก 9 ชิ้นที่ส่งตรวจเพิ่มในคดีบิลลี่เสื่อมสภาพ ไม่กระทบคดี”
published: 12/2/2019 4:20:21 PM updated: 12/2/2019 4:20:21 PM 2242 views TH“สารพันธุกรรมจากกระดูก 9 ชิ้นที่ส่งตรวจเพิ่มในคดีบิลลี่เสื่อมสภาพ ไม่กระทบคดี”
สืบเนื่องจากกรณีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งหลักฐานเป็นชิ้นส่วนกระดูก จำนวน 9 ชิ้นที่คณะทำงานสหวิชาชีพได้นำขึ้นมาจากใต้น้ำบริเวณสะพานแขวนในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานไปยังสถาบัน นิติวิทยาศาสตร์เพื่อขอความร่วมมือตรวจเปรียบเทียบสารพันธุกรรมของกระดูกดังกล่าวกับสารพันธุกรรมของนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ ซึ่งหายตัวไปภายหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมไปว่ามีความสัมพันธ์เป็นมารดากับบุตรหรือไม่นั้น
ล่าสุด พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้รับทราบผลการตรวจพิสูจน์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ในเบื้องต้นว่า ชิ้นส่วนกระดูกทั้ง 9 ชิ้น เป็นของมนุษย์ แต่จากการสกัดหาสารพันธุกรรมในกระดูกดังกล่าวพบว่าเสื่อมสภาพแล้ว ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะต้องสอบสวนปากคำแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์ เพื่อรวมเข้าสำนวนการสอบสวนต่อไป
“กระดูกที่พบจำนวน 9 ชิ้น เป็นชิ้นส่วนกระดูกที่พบจากการตรวจค้นเพิ่มเติม ภายหลังจาก ที่ค้นพบกระดูกที่บริเวณกะโหลกศีรษะและถังน้ำมัน โดยอยู่ห่างจากบริเวณที่พบกระดูกที่เป็นชิ้นส่วนของกะโหลกศีรษะพอสมควร ซึ่งในการสอบสวน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีหน้าที่รวบรวมหลักฐานทุกชนิดเท่าที่จะกระทำได้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงมีการใช้สหวิชาชีพในการแสวงหาและรวบรวมหลักฐาน ใช้วิทยาการหลายสาขา รวมทั้งนำมิติด้านนิติวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ข้อเท็จจริง อันเป็นการแสดงถึงการปฏิบัติงานที่โปร่งใส ปราศจากอคติ อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ในทางการสอบสวนไม่ได้ มีนัยสำคัญเพิ่มเติม เนื่องจากชิ้นส่วนกระดูกที่เป็นกะโหลกศีรษะซึ่งค้นพบพร้อมกับการพบถังน้ำมันในครั้งแรก ได้มีการตรวจพิสูจน์ทางไมโตรคอนเดรียและมีการสอบสวนพยานกลุ่มเครือญาติประกอบแล้ว ฟังได้ว่าเป็นของนายพอละจี ฯ ประกอบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ยืนยันแล้วว่า หากกระดูกชิ้นดังกล่าวไม่อยู่ในร่างกาย เจ้าของกระดูกจะเสียชีวิต ดังนั้นผลการตรวจกระดูกทั้ง 9 ชิ้นนี้จึงไม่ได้มีผลต่อรูปคดีแต่อย่างใด แต่เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ได้มอบหมายพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ไปสอบสวนปากคำแพทย์ผู้ทำการตรวจพิสูจน์ รวมเข้าสำนวนด้วยแล้ว” พันตำรวจเอก ไพสิฐ ฯ กล่าว
จึงประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ
2 ธันวาคม 2562