คดี Forex-3D ภาค 4 คืบ DSI พบเส้นทางการเงินต้องสงสัยอีก เร่งออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง
published: 21/7/2566 15:54:12 updated: 21/7/2566 15:54:12 17630 views THคดี Forex-3D ภาค 4 คืบ DSI พบเส้นทางการเงินต้องสงสัยอีก
เร่งออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง
ด้วยกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ มีการสอบสวนดำเนินคดีพิเศษที่ 11/2566 กรณีมีผู้กล่าวหาว่านายขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ ดารานักแสดง ร่วมกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน
ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 กรณีการชักชวนผ่านทางเฟซบุ๊กชื่อ Forex-3D และ บัญชี เฟซบุ๊กชื่อ Apirak Krub (นายอภิรักษ์ โกฎธิ) ให้ลงทุนนำเงินไปซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ (Forex) โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60 - 80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการ เทรดฟอเร็กซ์ และประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษมีการดำเนินคดีก่อนหน้านี้ โดยถือเป็นการดำเนินคดี Forex-3D ภาคที่ 4 และจากการสอบสวนพบบุคคลใกล้ชิดนายขุนณรงค์ ฯ มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้ต้องหาที่เป็นตัวการสำคัญและเชื่อมโยงกับบริษัท มีดี เพย์ จำกัด นิติบุคคลที่เป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 153/2562 ซึ่งเป็นคดี Forex-3D ภาค 1 และยังมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายนิโก โวคูคา ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 60/2564 ซึ่งเป็นคดี Forex-3D ภาค 2 ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่ ร้อยตำรวจโท เสฎฐวุฒิ สายป้อง ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 3 ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบสำนวนการสอบสวน ได้รายงานต่อ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการ
กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ทราบและเห็นชอบให้มีหมายเรียกบุคคลใกล้ชิดดังกล่าว รวม 3 คน มาพบพนักงานสอบสวนกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เพื่อให้ปากคำและชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวนต่อไป
สำหรับความเป็นมาของคดี Forex-3D นั้น สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีอาญา กรณีการชักชวนผ่านทางเฟซบุ๊กชื่อ Forex-3D และ บัญชี เฟซบุ๊กชื่อ Apirak Krub (นายอภิรักษ์ โกฎธิ) ให้ลงทุนนำเงินไปซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ (Forex) โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60 - 80 ของเงินผลกำไรที่ได้
จากการเทรดฟอเร็กซ์ และประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 ซึ่งมีผู้เสียหายจากการร่วมลงทุนจำนวนมาก
กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงรับไว้ดำเนินคดี เป็นคดีพิเศษที่ 153/2562 โดยมีการดำเนินคดีนายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวก รวม 4 คน ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีผู้เสียหายที่เข้าให้การรวมจำนวน 9,824 คน มูลค่าความเสียหาย 2,489,820,321.51 บาท ซึ่งถือเป็น Forex-3D ภาคที่ 1
ภายหลังจากที่ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 153/2562 ไปยังพนักงานอัยการแล้ว สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีหนังสือแนะนำให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 21 ราย ที่เห็นว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแม่ทีม ผู้ร่วมลงทุนรายใหญ่กับนายอภิรักษ์ฯ หรือเป็นตัวการร่วมกับนายอภิรักษ์ฯ ในการแบ่งหน้าที่กระทำความผิด ดำเนินคดีในฐานความผิดเดียวกันกับคดีพิเศษที่ 153/2562 โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 60/2564 ซึ่งถือเป็น Forex-3D ภาคที่ 2 โดยคดีกลุ่มนี้ มีดาราสาวและบุคคลในครอบครัว
ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย หลังจากที่ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการแล้ว สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีหนังสือแนะนำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลเพิ่มเติม เป็นครั้งที่ 2 รวมทั้งหมด อีก 16 ราย ที่เห็นว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแม่ทีมผู้ร่วมลงทุนรายใหญ่กับนายอภิรักษ์ ฯ หรือเป็นตัวการร่วมกับนายอภิรักษ์ฯ ในการแบ่งหน้าที่กระทำความผิด ดำเนินคดีในฐานความผิดเดียวกันกับคดีพิเศษที่ 153/2562 และคดีพิเศษที่ 60/2564 โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 273/2565 ซึ่งถือเป็น Forex-3D ภาคที่ 3 โดยคดีกลุ่มนี้ มีดีเจดังและภรรยาตกเป็นผู้ต้องหาด้วย
ล่าสุด ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนคดีพิเศษที่ 273/2565 เสร็จสิ้น ได้มีผู้มากล่าวโทษว่ายังมี นายขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ ดารานักแสดง ร่วมกระทำความผิดในคดี Forex-3D แต่ยังไม่ถูกดำเนินคดี จึงรับคำกล่าวโทษและทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 11/2566 ซึ่งถือเป็น Forex-3D ภาคที่ 4 และจากการสอบสวนพบมีเส้นทางการเงินของบุคคลที่ใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับนายขุนณรงค์ฯ เชื่อมโยงกับผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีพิเศษที่ 60/2564 หรือ Forex-3D ภาคที่ 2 จึงมีความจำเป็นต้องออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมาให้ข้อเท็จจริงเพื่อทราบถึงที่มาของเงินและเหตุผลในการรับหรือจ่ายเงินเพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวนต่อไป
“กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ขอเรียนว่าแชร์ลูกโซ่หรือการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนเป็นภัยทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลกำหนดเป็นวาระแห่งชาติในการป้องกันปราบปราม และเป็นนโยบายสำคัญของพันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มอบหมายให้กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ใช้มาตรการเชิงรุกในการปราบปราม เน้นยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการกระทำผิด
ปัจจุบันมีการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ โดยเสนอผลตอบแทนสูงจำนวนมาก
และมักใช้รูปแบบการลงทุนที่กล่าวอ้างถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้ AI Artificial Intelligence หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ มาช่วยในการตัดสินใจลงทุน มีการรับประกันเงินลงทุนร้อยละร้อย เป็นการลงทุนที่ซับซ้อน
และเชื่อมโยงกับต่างประเทศ มีการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้แทนเงินตราจริงในการลงทุนเพื่อให้ดูว่าเป็นเรื่องทันสมัย ขณะเดียวกันก็ทำให้ยากแก่การทำความเข้าใจของผู้เสียหายทั่วไป และเกิดกลุ่มผู้กระทำผิดรายใหม่ ๆ
ที่เข้ามาทำหน้าที่นายหน้าแปลงเงินตราจริงเป็นเงินดิจิทัลทำให้การกระทำผิดมีความซับซ้อนขึ้น รวมทั้งมีการชักชวนให้ซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ หรือ FOREX ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เคยอนุญาตให้เอกชนรายใดดำเนินธุรกิจดังกล่าว และการดำเนินธุรกิจโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จะเป็นความผิดตามพระราชกำหนด
การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งสามารถตรวจสอบการอนุญาตเรื่องดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์
ของธนาคารแห่งประเทศไทยและเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนในการประเมินความเสี่ยงก่อนการลงทุน กรมมอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้จัดทำระบบ LINE Official เพื่อตอบคำถามข้อสงสัยในการลงทุนชื่อ“Checkdidsi” โดยสามารถเข้าไปเป็นสมาชิกได้ที่ LINE > เพิ่มเพื่อน > ค้นหา > @Checkdidsi หรือไปยังเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th > ข้อมูลกราฟฟิก ซึ่งจะมีแหล่งให้ข้อมูลความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นภัยสังคมโดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ มีความมุ่งมั่นในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับธุรกิจการเงินนอกระบบอย่างมืออาชีพ มีวิสัยทัศน์ และใส่ใจให้บริการ” พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กล่าว