DSI จับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ ตามหมายจับคดีพิเศษที่ 41/2561 บังคับใช้แรงงานเมียนมาบนเรือประมง

published: 8/29/2018 10:40:14 AM updated: 8/29/2018 10:40:14 AM 1861 views   TH
 

DSI จับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ ตามหมายจับคดีพิเศษที่ 41/2561
บังคับใช้แรงงานเมียนมาบนเรือประมง

ตามที่ รัฐบาลมีนโยบายและให้ความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์ โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยได้รับการยกระดับเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าและมีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นปัญหาที่มีการกระทำละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพ และสร้างความเหลื่อมล้ำต่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับปัญหาการค้ามนุษย์ที่มีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างสังคมและระบบเศรษฐกิจอย่างมหาศาล กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ดำเนินการปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2560 หญิงชาวเมียนมา 2 ราย ได้ไปขอความช่วยเหลือจากนางมา (นามสมมติ) หญิงชาวเมียนมาซึ่งเข้ามาอยู่ในไทยตั้งแต่ปี 2550 และปัจจุบันทำงานเป็นแม่บ้าน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมา นางมา (นามสมมติ) จึงได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาจึงได้มีหนังสือ มสพ ที่ 18/12/2560 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอความช่วยเหลือกรณีแรงงานสัญชาติเมียนมา จำนวน 11 ราย ถูกหลอกลวงมาค้าแรงงานในตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยถูกหลอกให้ไปทำงานบนเรือประมง ในแพปลา และเป็นแม่บ้าน รวมทั้งมีการข่มขู่จะฆ่าหากไม่ทำงานตามที่สั่ง ซึ่งการถูกกระทำดังกล่าว อาจตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

ต่อมา พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้กองคดีการค้ามนุษย์ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผล และนำไปสู่การอนุมัติเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 41/2561 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 โดยพบพฤติการณ์การกระทำความผิด ดังนี้

เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2560 ชายชาวเมียนมากับครอบครัวได้ถูกนายเตย หรือขาว และนางโชเอ หรือเอ้ย สองสามีภรรยา ชักชวนให้เดินทางจากเมืองเย ประเทศเมียนมา เพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยบอกว่าผู้ชายจะให้ทำงานขายสินค้าเครื่องใช้ต่าง ๆ บริเวณท่าเรือและบนเรือประมง ส่วนผู้หญิงจะให้ทำงานคัดแยกปลา และตัดปลาหมึกบนแพปลา มีรายได้ตกวันละ 300 - 400 บาท กลุ่มผู้เสียหายจึงได้ตกลงเดินทางมากับนายเตยหรือขาว และนางโชเอหรือเอ้ย สองสามีภรรยา โดยเดินทางมาเป็นกลุ่มครอบครัวใหญ่ รวมทั้งสิ้น 11 คน โดยรถตู้ ข้ามชายแดนไทย-เมียนมาร์ ทางด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จุดหมายมาที่ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อมาถึงกลุ่มผู้เสียหายได้ถูกพาไปติดต่อเข้าพักที่บ้านเช่าของ ร้อยตำรวจโท เหวียน สงคราม จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายได้ถูกบังคับให้ไปทำงานบนเรือประมง, ในแพปลา และทำงานบ้าน โดยทั้งหมดถูกบังคับข่มขู่ ถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกข่มขู่ว่าจะฆ่า จนทำให้เกิดความกลัว ผู้เสียหายบางรายไม่มีเอกสารต่าง ๆ เช่น หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงาน และบัตรประจำตัว จึงทำให้กลัวว่าหากไม่เชื่อฟังคำสั่ง ก็อาจจะโดนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุม ขณะที่ผู้เสียหายบางรายที่มีหนังสือเดินทาง ก็ถูกยึดหนังสือเดินทางไว้เพื่อป้องกันการหลบหนี และกลุ่มผู้เสียหายยังถูกแจ้งด้วยว่า มีหนี้สินที่ต้องชดใช้ เป็นค่าเดินทางจากเมียนมาเข้ามายังประเทศไทย ค่าอาหาร และค่าที่พัก ซึ่งเป็นเงินจำนวนที่สูงกว่าความเป็นจริงและเมื่อผู้เสียหายไม่มีเงินมาชดใช้ ก็ถูกบังคับให้ทำงาน ซึ่งผู้เสียหายบางรายถูกหักค่าจ้างจนเหลือค่าจ้างเพียงไม่กี่บาท ขณะที่ผู้เสียหายบางรายไม่ได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงชาวเมียนมารายหนึ่งยังถูกบังคับให้แต่งงานกับลูกเรือประมงชาวเมียนมา เพื่อให้ลูกเรือดังกล่าวมาทำงานใช้หนี้แทน โดยได้นำมีดมาจี้คอและบังคับให้เลือกคนใดคนหนึ่ง หากไม่เลือกก็จะถูกฆ่า

ล่าสุด ในวันนี้ (วันอังคารที่ 28 สิงหาคม 2561) เวลาประมาณ 07.30 น. พันตำรวจโท ศันสนะ แก้วทับทิม รองผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และตำรวจในพื้นที่ เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา
จำนวน 2 ราย
ได้แก่ นายเตย หรือ ขาว ผู้ต้องหาที่ 1 สามี และนางโชเอ หรือ เอ้ย ผู้ต้องหาที่ 2 ภรรยา ขณะที่ทั้งคู่กำลังนอนพักผ่อนอยู่ในบ้านพักที่ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

 

****************************************************************