DSI ขยายผลจับกุม 3 ผู้ต้องหารายสำคัญแก๊งทำบัตรประชาชนปลอมได้เพิ่มหลังตรวจค้นพร้อมกัน 3 จุด
published: 12/2/2567 10:26:15 updated: 14/2/2567 11:13:35 1014 views TH วันนี้ (วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567) พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจโท พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้อยตำรวจเอก เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พร้อมด้วย นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินการในคดีพิเศษที่ 98/2566 ปรากฎรายละเอียดดังนี้
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พร้อมด้วย นายราชพฤกษ์ ชูดำ รองผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับกรมการปกครอง โดย นางสาวขนิษฐา ถาวรวรกุล นิติการชำนาญการ นายอรรถพล ปรังพันธุ์ เจ้าพนักงานปกครองปฏิบัติการ สำนักการสอบสวนและนิติการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร เมืองสุราษฎร์ธานี นำกำลังร่วมกันตรวจค้นเพื่อจับกุมผู้ต้องหาหมายจับในคดีพิเศษที่ 98/2566 จำนวน 3 จุด พร้อมกัน ได้แก่ พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ผลการตรวจค้นได้จับกุม
1. นายเหม (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ถูกจับกุมตัวตามหมายศาลอาญาที่ 4798/2566 ในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช โดยพฤติการณ์เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้ในการจ่ายค่าเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้ เป็นบัญชีม้าแล้วนำไปกระทำความผิดต่าง ๆ ตรวจสอบพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 1 มีนาคม 2566 มีการโอนเงินไปบัญชีธนาคารอื่น ๆ ในยอดเงิน 500 บาท จำนวน 248 รายการ คณะพนักงานสอบสวน คดีพิเศษได้ตรวจสอบบัญชีธนาคารผู้รับโอนเงิน พบว่าเป็นชื่อบัญชีธนาคารที่ถูกใช้ในการหลอกลวงเงิน จากผู้เสียหายด้วยวิธีการต่าง ๆ อีกหลายราย
2. นางสาววิมลณัฐ อายุ 19 ปี ถูกจับกุมตัวตามหมายจับศาลอาญาที่ 4797/2566 ในพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยพฤติการณ์เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่แก๊งทำบัตรประชาชนปลอมใช้รับเงินจากผู้เสียหาย เป็นบัญชีธนาคารลำดับชั้นที่ 3
3. นางสาววลีรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ถูกจับกุมตัวตามหมายจับศาลอาญาที่ 376/2567 ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง โดยพฤติการณ์เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารซึ่งแก๊งทำบัตรประชาชนปลอมใช้รับเงิน จากผู้เสียหาย เป็นบัญชีธนาคารลำดับชั้นที่ 1 ซึ่งผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวกว่า 20 ราย มีเงินโอนเข้าบัญชีรวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เป็นแก๊งทำบัตรประชาชนปลอมหลอกลวงชาวต่างชาติ มีพฤติการณ์ใช้เฟซบุ๊ก 2 เพจคือ “เปิดรับลงทะเบียนสิทธิ์ ทำบัตร” และ “รับสิทธิ์ลงทะเบียน” โฆษณารับทำบัตรประชาชน โดยอ้างว่าสามารถใส่ข้อมูลในระบบฐานข้อมูลของกรมการปกครองได้ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันนําข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ร่วมกันฉ้อโกง/ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น/ฉ้อโกงประชาชน เป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐานฟอกเงิน ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ” กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากกรมการปกครอง เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ว่ามีกลุ่มบุคคลได้จัดทำเฟซบุ๊กชื่อ “เปิดรับลงทะเบียนสิทธิ์ ทำบัตร” และเฟซบุ๊ก “รับสิทธิ์ลงทะเบียน” ลงข้อความและรูปภาพโฆษณารับทำบัตรประชาชน โดยอ้างว่าสามารถใส่เพิ่มข้อมูลในระบบฐานข้อมูลของกรมการปกครองได้ มีการนำภาพบัตรประชาชนที่อ้างว่าเป็นของลูกค้ารายอื่น และรูปถ่ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาลงประกาศ (โพสต์) ในเฟซบุ๊กข้างต้นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้ ผู้ประสงค์จะทำบัตรประชาชนจะต้องเสียค่าดำเนินการ จำนวน 15,000 - 25,000 บาท และมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงิน แต่ไม่ได้รับบัตรประชาชนตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 98/2566 และเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว จำนวน 3 ราย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดนนทบุรี โดยทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สรุปสำนวนดังกล่าวส่งอัยการคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่ถูกหลอกลวงโดยกลุ่มคนร้ายและได้โอนเงินเพื่อทำบัตรประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสเข้ามายังกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ และขอแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเปิดบัญชีธนาคารให้กับบุคคลอื่นโดยเด็ดขาด หากเคยรับจ้างหรือถูกหลอกให้เปิดบัญชีธนาคารให้กับบุคคลอื่น ขอให้ท่านดำเนินการปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวโดยเร็วเนื่องจากหากกลุ่มคนร้ายนำบัญชีของท่านไปใช้ในการรับเงินที่ได้จากการกระทำความผิดท่านอาจถูกดำเนินตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี