DSI สนธิกำลัง 3 หน่วยงาน เข้าตรวจค้นคลินิกเวชกรรมและทันตกรรม ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปทุมธานี
published: 29/7/2563 18:41:42 updated: 29/7/2563 18:41:42 2848 views THDSI สนธิกำลัง 3 หน่วยงาน เข้าตรวจค้นคลินิกเวชกรรมและทันตกรรม
ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปทุมธานี
ในวันนี้ (วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563) พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจเอก อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะกำกับดูแล ได้มอบหมายให้ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และคณะพนักงานสืบสวนที่ 195/2563 สนธิกำลังร่วมกับกองบังคับการปราบปราม กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมายจำนวน 4 แห่ง ดังนี้
1. บริษัทสยามเมดิคอล ไฮคิว แล็บ จำกัด เลขที่ 2/104 ซอยรังสิต-นครนายก 34/1 ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
2. บริษัทโปรเซ็นทรัล เมดิคอล กรุ๊ป จำกัด เลขที่ 55/11 ถนนเลียบคลองสาม ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
3. คลินิกทันตแพทย์สมรัก เลขที่ 129 3/2 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
4. คลินิกทันตแพทย์อนุสรณ์ เลขที่ 59 3/1-2 ถนนลาดพร้าว แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ผลการตรวจค้นได้ยึดเอกสารการรักษา ใบเสร็จ เวชระเบียน จำนวนกว่า 20 ลัง เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 เครื่อง และเอกสารทางการเงินอีกจำนวนหนึ่งไว้เพื่อตรวจสอบและอาจใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการทางคดี อนึ่ง กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้พบความผิดปกติในการขอเบิกจ่ายจากคลินิกชุมชนอบอุ่น จำนวน 18 แห่ง และคลินิกทันตกรรมในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหน่วยบริการที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข จากเงินงบประมาณของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ส่อไปในทางไม่สุจริต และเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เชิญผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี พันตำรวจเอก อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้แทน รวมทั้งผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการสืบสวนเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว เพื่อดำเนินการทางอาญา
การดำเนินการดังกล่าว เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ตามการร้องขอจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการทางคดีอาญาต่อกลุ่มบุคคลที่กระทำความผิดและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อเนื่องกับหน่วยบริการอีกจำนวน 256 แห่ง และหน่วยทันตกรรมประมาณ 100 แห่ง ต่อไป โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการการสืบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบผู้กระทำความผิดและเพื่อปกป้องเงินงบประมาณแผ่นดินที่ถูกกระทำการโดยทุจริตดังกล่าว ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแส สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ที่สายด่วน DSI Call Center 1202 (โทรฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ