“ดีเอสไอ” ทลายแหล่งผลิต ค้าส่งและโกดังเก็บ แก้วน้ำปลอมยี่ห้อดังย่านตลาดสำเพ็ง มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
published: 14/6/2561 13:17:51 updated: 14/6/2561 13:17:51 3105 views TH“ดีเอสไอ” ทลายแหล่งผลิต ค้าส่งและโกดังเก็บ แก้วน้ำปลอมยี่ห้อดังย่านตลาดสำเพ็ง
มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2561) เวลา 10.00 น. พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันเอก พินิจ ตั้งสกุล ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา และตัวแทนบริษัทผู้เสียหาย ร่วมกันแถลงข่าวการบุกจับสินค้าประเภทแก้วน้ำปลอมเครื่องหมายการค้าและละเมิดลิขสิทธิ์หลายยี่ห้อ
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า มีขบวนการลักลอบนำสินค้าประเภทแก้วน้ำปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายเข้ามาในราชอาณาจักร ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างและมีมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญาสืบสวนเรื่องดังกล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 เวลาประมาณ 13.30 น. กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา และศูนย์สืบสวนสะกดรอย กรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ พันเอก พินิจ ตั้งสกุล ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา, ร้อยตำรวจเอก พลสัณห์ เทิดสงวน ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 1 และพันตำรวจโท ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 2 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจับกุมแหล่งผลิต ค้าส่งและโกดังเก็บสินค้าประเภทแก้วน้ำ ละเมิดเครื่องหมายการค้าและละเมิดลิขสิทธิ์ ยี่ห้อดัง รวม 10 จุด จับกุมผู้ต้องหาได้ 9 ราย โดยพบของกลางประเภทแก้วน้ำปลอมเครื่องหมายการค้าและละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อต่าง ๆ เช่น MANCHESTER UNITED, LIVERPOOL, ARSENAL, STARBUCKS, STITCH, DORAEMON, YETI, HARLEY DAVIDSON ฯลฯ จำนวนมาก รวมสินค้าที่ตรวจยึดทั้งหมดจำนวนกว่า 60,000 ชิ้น มูลค่าของกลางตามท้องตลาดของปลอมมีมูลค่าประมาณกว่า 10 ล้านบาท ถ้าเป็นของแท้จะมีมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
พร้อมทั้งได้จับกุมผู้ต้องหาชาวไทยและชาวจีน โดยกล่าวหาว่า เสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และนำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยกรณีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายมากและพฤติการณ์อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ อีกทั้งรัฐบาลได้มีนโยบายให้ดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง
**********************************************