กรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงความคืบหน้าการออกหมายเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา กรณีลักลอบนำเข้าและหลีกเลี่ยงการชำระภาษีศุลกากร ทำรัฐเสียหายกว่า 4,300 ล้านบาท
เผยแพร่: 18 ส.ค. 2560 13:38 น. ปรับรุง: 18 ส.ค. 2560 13:38 น. เปิดอ่าน 1515 ครั้ง
กรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงความคืบหน้าการออกหมายเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา
กรณีลักลอบนำเข้าและหลีกเลี่ยงการชำระภาษีศุลกากร ทำรัฐเสียหายกว่า 4,300 ล้านบาท
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการปราบปรามขบวนการนำรถยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากร และสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง รวมทั้งขบวนการทำรถจดประกอบผิดกฎหมาย อย่างต่อเนื่อง โดยมีการบูรณาการกับกรมศุลกากรโดยนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นที่สนใจของสาธารณชน ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าทำการตรวจค้นตามหมายค้นศาลอาญาเมื่อวันที่ 18 และ 24 พฤษภาคม 2560 และสามารถอายัดรถยนต์สมรรถนะสูง (SUPER CAR) ไว้เพื่อตรวจสอบจำนวน 160 คัน โดยเป็นรถยนต์หลายยี่ห้อ อาทิ ลัมโบร์กินี, โรสลอยด์, แมคคาเรน, โลตัส เป็นต้น รวมทั้งมีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในการประสานข้อมูลกับทางการประเทศต้นทางของรถยนต์เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับราคาซื้อขายที่แท้จริงเพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวน และขอให้กรมศุลกากรประเมินราคารถยนต์เบื้องต้น ตามเอกสารหลักฐานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งกรมศุลกากรได้จัดส่งข้อมูลบัญชีรายละเอียดภาษีอากรขาดกลับมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว จำนวน 32 คัน พบว่ามีมูลค่าภาษีอากรขาดรวมประมาณ 673 ล้านบาท และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้เรียกกลุ่มผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วจำนวน 3 กลุ่มบริษัท ผู้ต้องหารวมจำนวน 16 คน ซึ่งมีการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการมาเป็นลำดับแล้ว นั้น
ต่อมา กรมศุลกากรได้จัดส่งข้อมูลบัญชีรายละเอียดภาษีอากรขาดกลับมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่มเติมจำนวน 91 คัน พบว่ามีมูลค่าภาษีอากรขาด รวมประมาณ 1,165 ล้านบาท รวมมูลค่าภาษีอากรขาดทั้งสิ้น 1,838 ล้านบาท พนักงานสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างดำเนินการเรียกกลุ่มผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาจำนวน 2 กลุ่มบริษัท ผู้ต้องหารวมจำนวน 16 คน ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป
ล่าสุด กรมศุลกากรได้จัดส่งข้อมูลบัญชีรายละเอียดภาษีอากรขาดกลับมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่มเติมอีกจำนวน 136 คัน พบว่ามีมูลค่าภาษีอากรขาดรวมประมาณ 2,473 ล้านบาท รวมจำนวนรถยนต์ที่ทางกรมศุลกากรได้จัดส่งข้อมูลบัญชีรายละเอียดภาษีอากรขาดกลับมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษทั้งสิ้น 259 คัน คิดเป็นมูลค่าภาษีอากรขาดทั้งสิ้น 4,313 ล้านบาท
กรณีข้างต้น เป็นการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมตามนโยบายของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่มีนโยบายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามกลุ่มขบวนการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรและหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร อันส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ และสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก และหากผลการดำเนินคดีมีความคืบหน้า กรมสอบสวนคดีพิเศษจะแถลงให้ทราบเป็นระยะต่อไป