“ดีเอสไอทลายแหล่งเก็บสินค้าประเภทแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้า ยี่ห้อดังรายใหญ่ ย่านจรัญสนิทวงศ์และเพชรเกษม”

เผยแพร่: 3 มี.ค. 2559 14:46 น. ปรับรุง: 3 มี.ค. 2559 14:46 น. เปิดอ่าน 1472 ครั้ง  
 
 
 
 
 
         วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2559 เวลา 11.00 น. พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจเอก ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นางกรรณิกา  ริมโพธิ์เงิน รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา นายธงชัย สมบัติจิราภรณ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา และ ร้อยตำรวจเอก พลสัณห์ เทิดสงวน ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 1 และ Dr.Andrea Vitalone (แอนเดรีย ไวทาโรเน่) Director Special Agent ตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมสินค้าประเภทแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อเรย์แบน โอ๊คเลย์
 
 
 
 
          สืบเนื่องจากสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีบุคคลสัญชาติจีนที่เข้ามาค้าขายในประเทศไทย ได้ลักลอบจำหน่ายแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่าง ๆ จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบแน่ชัดว่าผู้กระทำความผิดคือนายฮ่อง จี๋ ซู สัญชาติจีน กับพวก โดยได้ลักลอบนำเข้าและจำหน่ายแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อเรย์แบนรายใหญ่ของประเทศ ส่งจำหน่ายให้กับร้านแว่นตาย่านถนนเยาวราช จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ซึ่งศาลได้อนุมัติให้ทำการค้นสถานที่เก็บสินค้าจำนวน 7 จุด โดยเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2559 เวลาประมาณ 10.30 น. จึงได้ทำการตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อเรย์แบน โอ้คเล่ย์ หลุยส์วีตตอง ดิออร์ และอื่น ๆ จำนวนมาก รวมทั้งยังพบอุปกรณ์ในการปั๊มเครื่องหมายการค้าปลอม แผ่นเพลท สติ้กเกอร์ และป้ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่าง ๆ นอกจากนั้นยังพบแว่นตาที่หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรอีกจำนวนมาก รวมแว่นตาของกลางทั้งหมด 895,897 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าของกลางกว่า 130 ล้านบาท และได้จับกุมนายฮ่อง จี๋ ซู และนางสาวตัน ถิง ฉู่ สัญชาติจีน ซึ่งพบตัวในที่เกิดเหตุเป็นผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า ปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และข้อหา ซื้อหรือรับไว้โดยประการใด ๆ ซึ่งสินค้าอันตนรู้อยู่ว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัด อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 นำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย อีกทั้งน่าเชื่อว่า นายฮ่อง จี๋ ซู ผู้ต้องหา ได้เคยกระทำความผิดมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งจะได้ทำการเพิกถอนการอยู่ต่อในประเทศไทยต่อไป
 
 
 
          ทั้งนี้ การตรวจค้นจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่เน้นการจับกุมแหล่งผลิต แหล่งเก็บสินค้า แหล่งจำหน่ายและผู้กระทำผิดที่เป็นตัวการรายใหญ่ ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทยส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งไทยถูกสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกาจัดลำดับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ให้อยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หรือ PWL และรัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการดำเนินการให้ไทยหลุดจากบัญชีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงให้ความสำคัญกับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
 

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ