ร้องDSIสอบ “บ้านสวน พีระมิด”อวดอ้างรับบารมีพระศรีอาริย์รักษาโรค
เผยแพร่: 4 ก.ค. 2557 15:06 น. ปรับรุง: 4 ก.ค. 2557 15:06 น. เปิดอ่าน 2286 ครั้งร้อง DSIสอบ “บ้านสวน พีระมิด”อวดอ้างรับบารมีพระศรีอาริย์รักษาโรค
เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗เวลา ๑๔.๐๐ น. นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เข้ายื่นหนังสือที่หน่วยบริการประชาชนและบริการข้อมูลข่าวสาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์บ้านสวนพีระมิด ของนางอุบล ศุภาเดชาภรณ์กับพวก โดยตั้งข้อสังเกตว่ามีการโฆษณาอวดอ้างเกินจริงในประเด็นที่ส่งผลกระทบกับสถาบันพระพุทธศาสนา
สืบเนื่องมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๗ นางอุบลฯ ได้ปรากฏภาพคลิปวีดีโอผ่านทางโซเชียลมีเดียเป็นภาพนางอุบลแอบอ้างใช้รูปตัวเองโดยระบุว่าให้จ้องมองที่ภาพและมีถ้อยคำว่า ๑. “รับบารมีพระศรีอาริย์แค่เดินผ่านก็หาย” หรือ “มองดูรูปนี้สิ อาการเจ็บปวดต่างๆ เช่น ปวดหัว คอ บ่า ไหล่ ฯลฯ แสดงว่า ท่านจะได้พบพระศรีอาริย์ แต่จะหาย ๑ ชั่วโมง เท่านั้น” ๒. มีภาพของนางอุบลฯ และถ้อยคำว่า “เชิญพิสูจน์! แค่มองก็หาย” หรือก่อนไปร่วมงาน พิสูจน์ด้วยตัวเองง่ายๆ เพียงแค่มองรูปนางอ.อุบล แล้วพูดว่า “อ.อุบลช่วยด้วย ขอให้อาการ ที่เป็นอยู่ หายทันทีด้วยเถิด” ไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรงแค่ไหนก็หายได้ ซึ่งนางอุบลแอบอ้างรับบารมีพระศรีอาริย์ แค่เดินผ่านก็หาย หรือแค่มองรูปอาการเจ็บป่วยก็หายอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมอวดอ้างให้ประชาชนหลงเชื่อโอนเงินไปทำบุญในชื่อบัญชีส่วนตัว เพื่อรักษาโรค เป็นค่าเจ้ากรรมนายเวรคิดราคาอาการละ ๙๙ + ๑ บาท หากไม่โอนเงินภายใน ๒๔ ชั่วโมงอาการป่วยจะกลับมาใหม่ และต้องแก้ไขด้วยการชำระเงินเพิ่มอีก ๙๙ เท่า
นายสงกรานต์ กล่าวต่อว่า ได้ติดตามตรวจสอบพฤติกรรมของนางอุบลมานานกว่า ๓ ปี กระทั่งมั่นใจว่ามีหลักฐานในการเอาผิดได้ โดยการตรวจสอบส่วนหนึ่งชัดเจนว่าบุคคลที่ถูกนำมากล่าวอ้างว่าได้รับการรักษาแล้วหายจริงนั้นบางรายไม่มีตัวตนอยู่จริง เท่าที่ตรวจสอบบุคคลที่มีการยกตัวอย่างเป็นผู้ป่วยพบมี ๘ คน ในจำนวนนี้ตรวจสอบพบมีตัวตนจริง ๔ คน พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นอันตรายกับศาสนาและประชาชนที่หลงเชื่อจนเสียทรัพย์สิน
จากการรวบรวมข้อมูลยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในการให้การสนับสนุนช่วยเหลือ โดยเฉพาะในเฟซบุคของนางอุบลพบว่ามีการตระเวนจัดพิธีกรรมหลายจังหวัดทั่วประเทศ ที่มีการตั้งหัวหน้าสาขารับผิดชอบ ดังนั้น จึงต้องการร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วเพื่อยับยั้งความเสียหายของประชาชน และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับศาสนา
ทั้งนี้ หน่วยบริการประชาชนและบริการข้อมูลข่าวสาร จะดำเนินการส่งต่อให้หน่วยงานในสังกัด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการตามระบบต่อไป