ศาลพิพากษาจำคุก อดีตช่างรังวัด ปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีออกโฉนดทับที่ดินอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ภูเก็ต
เผยแพร่: 11 ก.ค. 2561 14:00 น. ปรับรุง: 11 ก.ค. 2561 14:00 น. เปิดอ่าน 6456 ครั้งศาลพิพากษาจำคุก อดีตช่างรังวัด ปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีออกโฉนด
ทับที่ดินอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ภูเก็ต
เมื่อวันอังคารที่ 10 กรกฎาคม 2561 เวลา 10.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษา ในคดีหมายเลขแดง ที่ อท. 49/2559 พิพากษาจำคุกนายศักรินทร์ สุทธิชลวัฒน์ อดีตช่างรังวัด สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต จำนวน 5 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เนื่องจากร่วมกันออกเอกสารสิทธิในที่ดิน โดยรู้ว่าที่ดินตำแหน่งที่ออกโฉนดที่ดินไม่ตรงกับตำแหน่งจริงตาม สค.1 และได้แบ่งหน้าที่ วางแผนกันจัดทำเอกสารราชการให้สอดรับกับเอกสารของนายอานุภาพ เวชวนิชสนอง ผู้ขอออกโฉนด ฯ
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ร้องขอให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีอาญา กรณีมีกลุ่มบุคคลร่วมกันเป็นขบวนการ ดำเนินการออกเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดิน 20777 เลขที่ดิน 3 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าลายัน เขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต โดยคณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติให้เรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ โดยเป็นคดีพิเศษที่ 44/2558 จากการสืบสวนสอบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายอานุภาพ เวชวนิชสนอง ได้กล่าวอ้างสิทธิในที่ดินบริเวณที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าลายัน ว่าเป็นที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 161 หมู่ที่ 4 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ที่ตนได้สิทธิครอบครองต่อจากนายลำส้า สร้อยสน ผู้ครอบครองเดิม มีการครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่อง มีการปลูกสร้างอาคาร ที่พักอาศัยและปลูกพืชผลไว้ในที่ดิน เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการออกโฉนดที่ดิน และแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ในแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจน์การทำประโยชน์เพื่อขอออกโฉนดที่ดินและนำชี้ยืนยันแนวเขตที่ดินตามที่ยึดถือครอบครอง จนกระทั่ง มีการออกโฉนดที่ดิน เป็นโฉนดที่ดิน 20777 เนื้อที่ 7 ไร่เศษ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2544 แต่เมื่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจสอบหลักฐานโดยเฉพาะการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศพบว่าที่ดินเกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2493 และ พ.ศ. 2510 สภาพที่ดินส่วนใหญ่เป็นทะเลและเป็นสันทรายเพียงเล็กน้อยไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ทั้งแปลง ที่ดินแปลงเกิดเหตุจึงไม่ใช่ที่ดินตาม ส.ค.1 เพราะหากเป็นที่ดินตาม ส.ค.1 จะต้องมีพื้นดินที่มีการครอบครองและทำประโยชน์ก่อนวันที่ 1 ธันวาคม 2497 อีกทั้งขอบเขตที่ดินแปลงเกิดเหตุไม่ตรงกับที่ดินแปลงจริงตาม สค.1 เลขที่ 161 ฯ ที่กล่าวอ้าง โดยที่ดินตาม ส.ค.1 ดังกล่าว อยู่ที่หมู่ที่ 4 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของนางสาวสุรีย์ บูรณกิจ และ นางเบญจพร ตันติทวีวัฒนา และพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ร่วมกันออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รู้หรือควรจะรู้ว่าที่ดินแปลงเกิดเหตุเป็นที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ เป็นที่ดินที่ไม่สามารถนำมาออกโฉนดที่ดิน มิได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมกันออกไปตรวจพิสูจน์ที่ดิน และลงนามในโฉนดที่ดินในฐานะปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต โดยไม่มีอำนาจลงนาม จึงสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา รวม 6 ราย เป็นราษฎร 3 ราย ประกอบด้วย นายอานุภาพ เวชวนิชสนอง ผู้ต้องหาที่ 1, นายไพศาล เวชวนิชสนอง ผู้ต้องหาที่ 2, นายศรีเทพ เพชรกอ ผู้ต้องหาที่ 3 และเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ราย ประกอบด้วย นายศักรินทร์ สุทธิชลวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 4, นายยุหาด พัฒนสุรีย์ ผู้ต้องหาที่ 5, นายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาที่ 6 (เสียชีวิต) โดยก่อนหน้านี้ พนักงานอัยการได้แยกฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 5 นายยุหาดฯ หัวหน้าช่างรังวัด ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และมีคำพิพากษาเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท.101/2559 ศาลลงโทษจำคุก 4 ปี ให้การสารภาพ ลดกึ่งหนึ่งเหลือโทษจำคุก 2 ปี ไปแล้ว
สำหรับที่ดินแปลงนี้เป็นเขตแดนอุทยานแห่งชาติสิรินาถอยู่ติดกับหาดเลพังที่มีผู้บุกรุกหลายราย ซึ่งพบว่าบริเวณดังกล่าวทั้งชายหาดยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นทะเลมาก่อน ภายหลังเกิดแผ่นดินงอก จึงมีนายทุนเข้ามายึดถือครอบครอง บางรายนำไปออกโฉนดที่ดินซึ่งพบว่าอ้างหลักฐานเท็จ ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลทุจริตก็ได้เคยลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐไปแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินคดีกับเอกชน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะร่วมปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อทวงคืนที่สาธารณะกลับมาเป็นของแผ่นดินตามนโยบายรัฐบาลต่อไป