ศาลพิพากษาจำคุก 10 ปี ผู้บริหาร ม.สันติภาพโลก (WPU)
เผยแพร่: 25 เม.ย. 2562 13:56 น. ปรับรุง: 25 เม.ย. 2562 13:56 น. เปิดอ่าน 2069 ครั้งศาลพิพากษาจำคุก 10 ปี ผู้บริหาร ม.สันติภาพโลก (WPU)
ในวันนี้ (วันที่ 24 เมษายน 2562) ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดีก่อตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก World Peace University (WPU) โดยมิชอบ คดีหมายเลขดำ อ.3414/2560 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสวัสดิ์ บรรเทิงสุข อธิการบดีผู้ก่อตั้ง WPU ที่เชียงใหม่จำเลยที่ 1 ,นายศุภณัฐ ดอนจันทร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสาขา 2 (WPU 2) และนายทะเบียนมหาวิทยาลัย จำเลยที่ 2, นายเรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ นายกสภามหาวิทยาลัย WPU จำเลยที่ 3,นางวรางคณา เผ่าวงศา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ช่วยนายสวัสดิ์ ดูแลเรื่องการเงิน จำเลยที่ 4, นายมาณพ ภาษิตวิไลธรรม กรรมการบริหารมหาวิทยาลัย จำเลยที่ 5, นายนาวิน พรมใจสา นายทะเบียนมหาวิทยาลัยคนที่ 2 จำเลยที่ 6, นายศุภชัย ขจรศิริภักดี อธิการบดี WPU สาขานนทบุรี จำเลยที่ 7, นายนิยม ป้องคำสิงห์ อธิการบดี WPU สาขาภาคตะวันเฉียงเหนือตอนล่างและประธานฝ่ายนิติกร WPU จำเลยที่ 8, นางวัชราพร ป้องคำสิงห์ เป็นผู้ช่วยนายนิยมและดูแลการเงินมหาวิทยาลัยสาขาในจังหวัดขอนแก่น จำเลยที่ 9 ในความผิดฐานร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนโดยไม่ชอบ ตามความผิดพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2526, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14
พฤติการณ์แห่งคดี สรุปได้ว่า ระหว่างวันที่ 3 พฤศจิกายน 2555 - 21 กรกฎาคม 2556 จำเลยทั้ง 9 คน ร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ชื่อ "มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก" (อาคารที่ตั้งเลขที่ 19 ถนนเทพฤทธิ์ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และหลอกลวงโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกดังกล่าวเป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกต้อง สามารถจัดการศึกษา การเรียนการสอนโดยบุคลากรที่มีคุณวุฒิ และได้รับการจัดตั้งโดยถูกต้องสามารถมอบใบปริญญาระดับต่างๆ และปริญญากิตติมศักดิ์ได้ มีสิทธิเท่าเทียมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ซึ่งข้อความดังกล่าว ยังได้ถูกนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ บนเว็บไซต์ www.wpucm.com กับบล็อคของหาวิทยาลัย wpubkk.blogspot.com และ www.wpu15.com ซึ่งข้อมูลเป็นเท็จนั้นบิดเบือนว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก เป็นมหาวิทยาลัยมีการจดทะเบียนที่รัฐฟลอริดาสหรัฐอเมริกา มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ 506 ปาร์คไซต์เพลส อินเดียฮาเบอร์บีช รัฐฟลอริดา ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นจริงตามที่อ้าง และยังอ้างอีกว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ขึ้นกับสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา มีสิทธิเข้ามหาวิทยาลัยอื่น และเผยแพร่กิจกรรมต่าง ๆ จนทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเชื่อถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นการร่วมกันหลอกลวงประชาชนด้วยการทำให้ปรากฏต่อประชาชนทั่วไป หรือบุคคลตั้งแต่ 10 คน ในลักษณะการแสดงข้อความอันเป็นเท็จด้วย ซึ่งความจริงแล้วมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกไม่ได้จัดตั้งขึ้นโดยถูกต้องตามกฎหมาย ไม่สามารถมอบปริญญาโทหรือปริญญากิตติมศักดิ์ได้ ทั้งนี้ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มีทั้งพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้รวบรวมหลักฐานส่งถึงสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ให้ตรวจสอบการดำเนินกิจการของมหาวิทยาลัย, พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ, นิติกรชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.), ผู้ที่ได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง รวมทั้งพยานเอกสาร ซึ่งเป็นกำหนดการแจกใบปริญญาและเอกสารทางการเงิน ซึ่งมีน้ำหนักให้รับฟังได้อย่างมั่นคงว่า การดำเนินกิจการของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก หรือ WPU นั้น กระทำโดยมิชอบไม่มีใบอนุญาต และได้มีการนำข้อความที่บิดเบือน อันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้มีบุคคลนับ 100 คน มีทั้งคนดังและนักแสดงเข้าร่วมในการรับใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยทั้งที่ไม่มีการเรียนการสอน หรือการเรียนแบบอิสระตามแนวคิดที่ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอธิการบดีผู้ก่อตั้งเคยอ้างไว้ ซึ่งการเข้ารับปริญญาทางมหาวิทยาลัยก็ให้ผู้รับชำระเงินอ้างเป็นค่าใช้จ่ายราว 5,000 - 12,000 บาท ซึ่งมหาวิทยาจะทำเป็นกระเบื้องเซรามิกประทับตรา (โลโก้) มหาวิทยาลัยและชื่ออธิการบดี จำเลยที่ 1 ดังนั้นการกระทำของจำเลยทั้ง 9 จึงเป็นความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษาว่า
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็น อธิการบดีผู้ก่อตั้ง และจำเลยที่ 4 เป็นผู้ช่วยจำเลยที่ 1 ดูแลเรื่องการเงิน กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน รวม 60 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 1 ปี และยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) โดยจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชนฯ
มาตรา 10, 104, 121 ด้วย รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น 61 ปี 12 เดือน ส่วนจำเลยที่ 4 จำคุก 61 ปี
จำเลยที่ 2 เป็นนายทะเบียนมหาวิทยาลัย และจำเลยที่ 3 เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย
มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้กระทำผิด 27 กระทง, รวมถึงทำความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ และความผิดตามพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชนฯ รวมจำคุก ทั้งสิ้น 28 ปี 12 เดือน
จำเลยที่ 5 เป็นนายทะเบียน จำเลยที่ 6 เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย (คนที่ 2) กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน 33 กระทง และ ความผิดตามพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชนฯ รวมจำคุก 33 ปี 12 เดือน
จำเลยที่ 7 เป็นอธิการบดี WPU สาขานนทบุรี กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน 10 กระทง จำคุก รวม 10 ปี
จำเลยที่ 8 เป็นอธิการบดี WPU สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และจำเลยที่ 9
เป็นผู้ช่วยจำเลยที่ 8 และดูแลด้านการเงินที่จังหวัดขอนแก่น กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน 17 กระทง
รวมจำคุกคนละ 17 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดของจำเลยทั้งหมดแล้ว ตามกฎหมายรวมโทษจำคุกจำเลยทั้ง 9 ได้เพียง 10 ปีเท่านั้น และให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายกับผู้ได้รับใบปริญญา ซึ่งเป็นผู้เสียหายแต่ละรายตามจำนวนของแต่ละคนด้วย
กรณีดังกล่าว เป็นความมุ่งมั่นและทุ่มเทของกรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ทุกคน
เพื่อป้องกันปราบปรามการทุจริตในสถานศึกษาที่ถือเป็นภัยต่อสังคมและส่งผลกระทบต่อประชาชนและประเทศชาติ เพื่อให้สังคมไทยมีความสงบสุข
*****************************************************