สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557
เผยแพร่: 10 ก.พ. 2557 13:44 น. ปรับรุง: 10 ก.พ. 2557 13:44 น. เปิดอ่าน 1829 ครั้ง
สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557
ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
1. การที่แกนนำ กปปส. นำเอาประเด็นความเดือดร้อนของกลุ่มชาวนาและเกษตรกรมากล่าวอ้างและจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดินรับบริจาคเงินจะไปช่วยชาวนานั้น กปปส. กำลังบิดเบือนนำเอาความทุกข์ยากของชาวนาและเกษตรกรมาใช้เป็นประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งในเรื่องนี้ ศรส. ได้ติดตามมาโดยตลอด จนได้ความจริงว่า รัฐบาลกำลังเร่งรีบที่จะแก้ไขปัญหาของชาวนาและเกษตรกรอย่างเต็มที่แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การจัดหาเงินไปจ่ายชาวนาและเกษตรกรล่าช้าก็มาจากการชุมนุมของ กปปส. จนทำให้ต้องมีการประกาศยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่ ทำให้ขั้นตอนการที่รัฐบาลจะหาเงินจากธนาคารหรือแหล่งเงินทุนต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. จนเกิดความล่าช้า ประการสำคัญต้องไม่ลืมว่า กปปส.เองได้พยายามทุกรูปแบบไม่ให้รัฐบาลกู้เงินจากสถาบันการเงิน และยังเคยดูถูกชาวนา เกษตรกร และคนในชนบท ตลอดมาว่าเสียงของคนชนบทเป็นแสนไม่มีคุณภาพเท่าเสียงของพวกเขาเพียงเสียงเดียว
2. ศรส.ได้เร่งรัดให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลและกรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อขอศาลออกหมายจับประเภท หมาย ฉ. ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพิ่มเติมโดยเร็ว ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันดำเนินการจนเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอ โดยจะได้ยื่นต่อศาลขออนุญาตออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 13 คน ได้แก่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นางสาวจิตภัสร์ กฤษดากร นายสกลธี ภัททิยกุล นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายเสรี วงษ์มณฑา นายถนอม อ่อนเกตุพล พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายคมสันต์ ทองศิริ นายสุชาติ ศรีสังข์ นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล และนายนพพร เมืองแทน ซึ่งการขอศาลออกหมายจับในครั้งนี้ เป็นการขอตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ แบบเดียวกับที่ได้รับอนุญาตไว้ก่อนแล้วรวม 19 คน หากศาลอนุญาตในครั้งนี้อีก ก็จะรวมเป็น 32 คน
3. ศรส.ขอเรียนชี้แจงว่า ศรส.ยังยืนยันที่จะไม่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของ กปปส. ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดการสูญเสียโดยเฉพาะประชาชนที่มิใช่แกนนำโดยตรง แต่การที่แกนนำ กปปส. นำเอามวลชนไปบุกรุก ปิดล้อม ยึดถือสถานที่ราชการและขับไล่ข้าราชการจนไม่สามารถให้บริการประชาชนได้นั้น เป็นการกระทำผิดที่ร้ายแรง เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ และความเดือดร้อนแก่ข้าราชการและประชาชนเป็นอันมาก ศรส.จะดำเนินการกับการกระทำผิดเช่นนี้อย่างจริงจังตามมาตรการจากเบาไปสู่หนักตามมาตรฐานสากล แต่ก็จะระมัดระวังมิให้เกิดการสูญเสียกับประชาชนด้วย
4. ศรส.ได้รับรายงานผลการสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการกระทำผิดของแกนนำ กปปส. ที่ขัดขวางการเลือกตั้งด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ทั้งในกรุงเทพมหานครและในต่างจังหวัดภาคใต้ ขณะนี้ได้รับคดีขัดขวางการเลือกตั้งไว้แล้ว 119 คดี และคดีเจ้าหน้าที่จงใจละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่จัดการเลือกตั้งอีก 80 คดี รวมหมายจับที่ศาลออกให้แล้วถึง 37 คน จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
ข่าวล่าสุด
เปิดอ่าน 146 ครั้ง
เปิดอ่าน 165 ครั้ง
ข่าวที่น่าสนใจ
เปิดอ่าน 146 ครั้ง
เปิดอ่าน 165 ครั้ง