สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2557

เผยแพร่: 12 มี.ค. 2557 13:56 น. ปรับรุง: 12 มี.ค. 2557 13:56 น. เปิดอ่าน 1476 ครั้ง  
 

สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 11 มีนาคม  2557 

ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้  

1. ตามที่ ศรส. ได้แต่งตั้ง พลตรี สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ กระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าคณะเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณถนนแจ้งวัฒนะที่มีพระพุทธอิสระเป็นแกนนำ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางดังกล่าวและต้องติดต่อราชการกับหน่วยงานในบริเวณนั้น ศรส. รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบว่า การเจรจาดังกล่าวระหว่างคณะเจรจาของ ศรส. กับพระพุทธอิสระ ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากแม้ว่าคณะผู้เจรจาจะได้ยื่นข้อเสนอที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้ ก็ได้รับการปฏิเสธจากพระพุทธอิสระทุกครั้ง อย่างเช่นการที่พระพุทธอิสระเรียกร้องให้ พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม นอนค้างในที่ชุมนุม 3 วัน 3 คืน แต่พลเอก นิพัทธ์ฯ ยอมที่จะนอนค้างได้ 1 คืน ตั้งแต่เวลา 18:00-06:00 น. เพราะเห็นว่าน่าจะเพียงพอแล้ว และยินดีให้ผู้ชุมนุมย้ายไปชุมนุมบริเวณใต้อาคารกระทรวงกลาโหม ซึ่งพระพุทธอิสระยืนยันแต่เพียงอย่างเดียวให้ ศรส. ต้องปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของตน  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อเรียกร้องที่ให้ผู้อำนวยการ ศรส. หรือปลัดกระทรวงกลาโหมต้องรับรองด้วยตำแหน่งและชีวิตหากเกิดอันตรายใดๆ กับผู้ชุมนุมแม้เพียงปลายเล็บข่วน  ซึ่ง ศรส. ไม่อาจปฏิบัติตามได้เพราะล้วนเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากในปัจจุบันมีการสร้างสถานการณ์โดยการก่อเหตุร้ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และ ศรส. เองก็มีข้อจำกัดในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ตามที่คำพิพากษาของศาลแพ่งอย่างที่ทราบโดยทั่วกันแล้ว อย่างไรก็ตาม ศรส. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชน และจะได้หาแนวทางและมาตรการอื่นๆ เพื่อเปิดถนนแจ้งวัฒนะและสถานที่ราชการในบริเวณดังกล่าวโดยเร็ว  

 

2. ตามนโยบายของ ศรส. ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ได้เห็นถึงความจำเป็นและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการปิดกรุงเทพมหานครของ กปปส.  โดยเฉพาะสถานที่ราชการ  ดังนั้น เพื่อให้สถานที่ราชการสามารถกลับมาเปิดให้บริการประชาชนได้ตามเดิม  ศรส. ร่วมกับส่วนราชการจึงได้ดำเนินการเปิดสถานที่ราชการต่าง ๆ ที่ถูกปิดให้เริ่มเปิดทำการได้ถึง ๖๖ แห่งแล้ว  เหลือแต่เพียงสถานที่ราชการเพียงไม่กี่แห่งที่ยังถูกกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมอยู่  แต่หลังจากที่ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษา ส่งผลให้ ศรส.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหลักตามกฎหมายได้  และเป็นผลให้ กปปส. ยังคงนำมวลชนเคลื่อนไปตามสถานที่ราชการที่เปิดทำการแล้วและบริษัทเอกชนหลายแห่งอย่างต่อเนื่อง โดยปิดล้อมและคุกคามขับไล่ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชน ดังเช่นเมื่อวานนี้ที่กลุ่ม กปปส. ได้นำมวลชนไปปิดล้อมกรมราชทัณฑ์ และอาคารชินวัตร 1 และ 2 และเช้าวันนี้ ได้นำมวลชนไปที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ถนนสนามบินน้ำ และกรมการข้าว  ซึ่ง ศรส.เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง จึงได้มีหนังสือแจ้งปลัดกระทรวงทุกกระทรวงให้แจ้งหัวหน้าหน่วยงานทุกหน่วยงานที่ถูกแกนนำ กปปส. นำมวลชนไปปิดล้อม ปิดกั้น หรือขับไล่ข้าราชการ ให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนภายใน 24 ชั่วโมง ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง โดยไม่มีการละเว้นเป็นอันขาด      

 

3. จากกรณีที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  ที่ได้ยื่นฟ้องแกนนำ กปปส. ต่อศาลแพ่ง ซึ่งศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยให้กลุ่มผู้ชุมนุมเปิดทางเข้าออกอาคารของบริษัท ปตท.ฯ รวมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการชุมนุมออกไปจากบริเวณที่ชุมนุมและพื้นที่โดยรอบอาคารเป็นการชั่วคราวนั้น ศรส.เห็นควรให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐที่ถูกกลุ่ม กปปส. นำมวลชนไปปิดล้อมบุกรุกให้ได้รับความเสียหาย ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวโดยเร่งด่วน  ขณะนี้ ศรส.ได้รับแจ้งว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ได้ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมที่นำโดยพระพุทธอิสระปิดล้อม    บุกรุก และยืดถือครอบครองพื้นที่โดยรอบอาคาร  ใส่กุญแจคล้องโซ่ประตูหน้าอาคาร ตัดน้ำตัดไฟ ทำลายห้องควบคุมกระแสไฟฟ้าสำรอง ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าทำงาน  ซึ่งได้กระทำต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดความเสียหายกับคดีพิเศษที่อยู่ในการดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ  ทำให้คดีเกิดความล่าช้า และมีคดีพิเศษจำนวนไม่น้อยใกล้จะขาดอายุความ สำนวนคดีพิเศษ เอกสารสำคัญ ข้อมูลสำคัญทางคดี ทรัพย์สินของราชการ ทรัพย์สินส่วนตัวของข้าราชการ วัสดุอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยให้แก่ประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายจากการกระทำความผิดของเหล่าผู้กระทำผิดทางอาญา ต้องเสียหายหรือสูญหายไปกับการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุม และประการสำคัญ พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหายและเดือดร้อนจากการกระทำผิดในคดีพิเศษ แล้วตกเป็นผู้เสียหาย   ซึ่งไม่สามารถเข้ามาแจ้งเหตุร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีกับอาชญากรที่เป็นผู้กระทำผิดได้ เช่น ความผิดเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่  คดีคุ้มครองผู้บริโภค  คดีสิ่งแวดล้อม  คดีความผิดเกี่ยวกับการเงินการธนาคาร  และคดีอื่น ๆ เป็นต้น  การกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหรือใช้สิทธิเกินส่วน ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนทั่วไปและกรมสอบสวนคดีพิเศษ  โดยค่าเสียหายที่อาจคำนวณเป็นเงินได้ในขณะนี้มีจำนวนสูงหลายล้านบาท  ยังไม่นับรวมค่าเสียหายอันมิอาจคำนวณเป็นเงินได้ที่เกิดขึ้นกับประชาชนและความเสียหายในการดำเนินคดีทั้งในปัจจุบันและในอนาคตด้วย  และวันนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดขอให้แต่งตั้งพนักงานอัยการเพื่อฟ้องพระพุทธอิสระ เป็นคดีแพ่งในข้อหาละเมิด ขับไล่ เรียกค่าเสียหาย และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วยแล้ว ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามแนวทางที่ ศรส. ได้แจ้งให้ทุกส่วนราชการที่ถูกปิดล้อมโดย กปปส. ดำเนินการทำนองเดียวกับที่ศาลแพ่งสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดย ให้ขับไล่ผู้ชุมนุมออกไปจากบริเวณอาคารสำนักงานบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นั่นเอง

 

 จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน     

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ