สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557

เผยแพร่: 21 ก.พ. 2557 15:42 น. ปรับรุง: 21 ก.พ. 2557 15:42 น. เปิดอ่าน 1641 ครั้ง  
 

สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์  2557

 

ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้  

วันนี้ ศรส. ได้รับหมายของศาลแพ่ง แจ้งคำบังคับในคดีที่นายถาวร  เสนเนียม  เป็นโจทก์ ฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร จำเลยที่ 1  ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง จำเลยที่ 2 และพลตำรวจเอก อดุลย์  แสงสิงแก้ว จำเลยที่ 3 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 275/2557  คดีหมายเลขแดงที่ 544/2557  ซึ่งคำบังคับดังกล่าวเป็นผลให้ ศรส. ต้องปฏิบัติตามทันที  โดยคำบังคับได้ห้ามจำเลยนำเอาประกาศและข้อกำหนดที่ได้ออกตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี  อำเภอลาดหลุมแก้ว  จังหวัดปทุมธานี และอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มาใช้บังคับ  รวมทั้งห้ามกระทำการอีก 9 ข้อ ดังเป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วนั้น  ศรส.ขอยืนยันว่า จะได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่ง รวมทั้งขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลแพ่งตามกฎหมายต่อไปด้วย แต่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ซึ่งจะต้องใช้เวลานานพอสมควรนั้น  ศรส.มีความกังวลใจเป็นอย่างยิ่งที่ ศรส.และเจ้าหน้าที่ของ ศรส.ทุกคนจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจโดยเฉพาะส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ เพราะคำพิพากษาของศาลแพ่งที่สั่งห้าม ศรส.ทั้ง 9 ข้อ  ดังที่ทราบกันแล้ว  สภาวะเสมือนสูญญากาศที่ขาดการบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้ จึงเป็นความเสี่ยงสูงต่อการที่สังคมจะเพิ่มความขัดแย้งและความไม่สงบสุขมากขึ้นอีก เพราะกลุ่มประชาชนทั้งที่เห็นด้วยกับ กปปส. และที่ไม่เห็นด้วย  ต่างก็มีจำนวนมากมายด้วยกันทั้งคู่  และด้วยความเดือดร้อนของประชาชน  ด้วยการกีดขวางการจราจรตามถนนและสี่แยกต่าง ๆ เพราะ กปปส.สามารถเคลื่อนการชุมนุมไปตามที่ต่าง ๆ ได้โดยเสรีตามใจชอบ จนเกิดภาวะวิกฤติในเมืองหลวงของประเทศ การปิดล้อมสถานที่ราชการ โรงแรม และบริษัทสถานที่ทำการของเอกชน  การขัดขวางการเลือกตั้งซึ่งจะต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน  โดยเฉพาะความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจซึ่งเกิดขึ้นทุก ๆ มิติและ  ทวีความรุนแรงมากขึ้น  จึงอาจเกิดการกระทบกระทั่งและเข้าจัดการกันเองได้ เพราะภาครัฐไม่อาจบังคับใช้กฎหมายได้ ซึ่งจะเป็นสภาวะที่ไม่พึงประสงค์เป็นอย่างยิ่ง  ศรส.มีความวิตกว่า  ผลจากคำพิพากษาของศาลจะทำให้แกนนำ กปปส. สามารถนำเอากลุ่ม ผู้ชุมนุมไปกระทำการใด ๆ โดยเฉพาะการปิดล้อม ปิดกั้น และยึดครองสถานที่ราชการและสถานที่เอกชนต่าง ๆ ได้ตามอำเภอใจ ทั้ง ๆ ที่ ศรส.ได้เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาตลอด 32 วันที่จัดตั้ง ศรส. มาจนสามารถเปิดสถานที่ราชการได้ถึง 53 แห่ง รวมทั้งถนนสาธารณะหลายแห่งแล้ว ดังเช่นเช้าวันนี้ แกนนำ กปปส. ก็ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อม ยึดครองกรมพลังงานทดแทน แล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดประตูแล้วบุกเข้าไปยึดครอง  ศรส.ใคร่ขอความร่วมมือนักกฎหมายและนักวิชาการต่าง ๆ ได้กรุณาให้ข้อแนะนำแก่ ศรส. ถึงแนวทางและวิธีการที่ ศรส.จะดำเนินการต่อไปอย่างไร จากการที่ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาดังกล่าวด้วย  อนึ่ง ผู้อำนวยการ ศรส. ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า จะได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ได้ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นใช้วัตถุระเบิดและอาวุธปืนยิงทำร้ายตำรวจ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมากในการปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์  ณ บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ   ดังนั้น ในระหว่างที่ ศรส. ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งได้นั้น  นอกจาก ศรส.ขอแสดงความเสียใจต่อพี่น้องประชาชนแล้ว  ศรส.ใคร่ขอวิงวอนพี่น้องประชาชนทั้งที่สนับสนุนกลุ่ม กปปส.  กลุ่มที่ต่อต้าน กปปส. กลุ่ม นปช. และกลุ่มอื่น ๆ ได้โปรดเห็นแก่ความสงบสุขและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะความเสียหายด้านเศรษฐกิจของประเทศชาติ  ได้กรุณางดเว้นหรือยุติการกระทำใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายและความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าได้เข้าเผชิญหน้าหรือเข้าแก้แค้นจัดการกันเอง เพราะจะทำให้ปัญหาของประเทศในขณะนี้เพิ่มความวิกฤติมากขึ้นไปอีก  และยากต่อการแก้ไขเยียวยาเป็นอย่างยิ่ง  

 

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ