อธิบดี DSI ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และพบชาวเลราไวย์ คืนกระดูกบรรพบุรุษที่เป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์สิทธิที่ดิน
เผยแพร่: 7 ก.ค. 2557 10:10 น. ปรับรุง: 7 ก.ค. 2557 10:10 น. เปิดอ่าน 1359 ครั้งอธิบดี DSI ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ
และพบชาวเลราไวย์ คืนกระดูกบรรพบุรุษที่เป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์สิทธิที่ดิน
ในวันนี้ (วันศุกร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษ (DS)I พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบกรณีการออกเอกสารสิทธิมิชอบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ สืบเนื่องจากกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้ร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในพื้นที่อุทยานฯ และขายให้ต่างชาตินำไปสร้างโรงแรม รีสอร์ท และที่พักตากอากาศ ไม่น้อยกว่า 14 แห่ง มูลค่าหลายพันล้านบาท ในเบื้องต้นได้ตรวจสอบพยานหลักฐานพบว่ามีหลายพื้นที่ที่มีมูลน่าเชื่อว่าจะมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบและอาจมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหลายคนที่อยู่ในข่ายการกระทำความผิด ทั้งนี้จะได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบโดยละเอียด หากมีความชัดเจนจะได้เสนอคณะกรรมการคดีพิเศษให้รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดตามกฏหมาย อีกส่วนหนึ่งจะส่งให้กรมที่ดินพิจารณาเพิกถอนเพื่อนำที่ดินดังกล่าวคือให้กับรัฐต่อไป
ด้วยขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านคดีความ กรณีชุมชนราไวย์ หมู่ที่ ๒ ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เกี่ยวกับปฏิบัติงานในครั้งนี้เป็นความร่วมมือของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ กรมศิลปากร
สืบเนื่องมาจากชาวเลราไวย์ซึ่งอยู่อาศัยและทำมาหากินในพื้นที่พิพาทต่อเนื่องมากว่า ๗ ชั่วอายุคน มีการตั้งบ้านเรือน มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ปัจจุบันมีประชากร ๒,๐๖๗ คนใน ๒๔๗ ครัวเรือน ต่อมามีบุคคลที่ไม่ใช่ชาวเลมาแจ้งการครอบครองและทำประโยชน์และออกเอกสารสิทธิ ในที่ดินแปลงพิพาท แล้วนำเอกสารสิทธิดังกล่าวมาฟ้องขับไล่ ปัจจุบันศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้ราษฎรชาวเลราไวย์ออกจากพื้นที่แล้ว ๙ ราย คดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษา ขณะนี้ชาวเลได้ถูกฟ้องแล้ว ไม่น้อยกว่า 100 คน
ในการพิจารณาคดีฝ่ายชาวเลราไวย์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานมาหักล้างเอกสารสิทธิของฝ่ายโจทก์ซึ่งออกมาจากหลักฐาน ส.ค.๑ ที่มีผู้ไปแจ้งการครอบครองทับที่ดินของชาวเลราไวย์ เมื่อปี ๒๔๙๘ ได้ ทำให้ศาลพิพากษาว่าเอกสารสิทธิของฝ่ายโจทก์เป็นเอกสารมหาชนที่ออกโดยรัฐ เมื่อไม่สามารถหาพยานหลักฐาน มาโต้แย้งสิทธิได้ สิทธิของโจทก์จึงได้มาโดยชอบและมีคำสั่งให้ชาวเลราไวย์ที่ถูกฟ้องออกจากพื้นที่พิพาท