แถลงความคืบหน้าการสอบสวนคดีพิเศษที่ ๑๔๖/๒๕๕๖ กรณีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร และนางสาวศรัณยา มานหมัด สั่งจ่ายเงินตามเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ให้กับบุคคลและ นิติบุคคล จำนวน ๘๗๘ ฉบับ จำนวนเงิน ๑๑,๓๖๗ ล้านบาท
เผยแพร่: 29 ต.ค. 2558 16:03 น. ปรับรุง: 29 ต.ค. 2558 16:03 น. เปิดอ่าน 1239 ครั้งเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร/หัวหน้าชุดตรวจสอบเส้นทางการเงิน แถลงความคืบหน้าผลการสอบสวนกลุ่มผู้รับเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน ๘๗๘ ฉบับ จำนวนเงิน ๑๑,๓๖๗ ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น ๗ กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มนิติบุคคลที่มีมูลหนี้, กลุ่มวัดพระธรรมกาย พระเทพญานมหามุณี, มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ และพระเครือข่าย, กลุ่มสหกรณ์อื่นๆ, กลุ่มผู้ต้องหา และผู้อยู่ในข่ายผู้ต้องหา, กลุ่มบุคคล, กลุ่มนายหน้าที่ดิน และกลุ่มนิติบุคคลที่ไม่มีมูลหนี้ การสอบสวนที่พบว่าบุคคลหรือนิติบุคคลใด ที่รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นโดยไม่มีมูลหนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้เสนอให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ พิจารณาดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
สำหรับกลุ่มวัดพระธรรมกาย, พระเทพญาณมหามุณี (พระธัมมชโย) และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชนนั้น พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชุดตรวจสอบเส้นทางการเงินได้สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และได้สรุปผลการสอบสวน โดยพบว่าตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวมจำนวน ๒๑ ครั้ง เป็นเงินจำนวน ๑,๒๐๕,๑๖๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันสองร้อยห้าล้านหนี่งแสนหกหมื่นบาท) โดยไม่มีมูลหนี้กับทางสหกรณ์ฯ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้หารือร่วมกับนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ หัวหน้าพนักงานอัยการ ร่วมสอบสวนแล้ว พิจารณาเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวของพระเทพญาณมหามุณีกับพวก อาจมีส่วนเป็นผู้สนับสนุนนายศุภชัยฯ ในการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์นายจ้างหรือรับของโจร, ความผิดฐานฟอกเงินและความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะได้นำผลการสอบสวนปากคำพยาน พร้อมเอกสารทางการเงินเกี่ยวกับผู้รับเช็คทั้ง ๘๗๘ ฉบับ ส่งมอบให้กับพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานอัยการคดีพิเศษ ว่าจะเห็นพ้องต้องกันหรือไม่ อย่างไร