DSI สนธิกำลังกับหลายหน่วยงาน ตรวจค้นจับกุมรถบรรทุกบุหรี่หลีกเลี่ยงภาษี ในพื้นที่จังหวัดตรัง คิดคำนวณเป็นเงินค่าปรับจำนวนกว่า 50 ล้านบาท

DSI สนธิกำลังกับหลายหน่วยงาน ตรวจค้นจับกุมรถบรรทุกบุหรี่หลีกเลี่ยงภาษี ในพื้นที่จังหวัดตรัง คิดคำนวณเป็นเงินค่าปรับจำนวนกว่า 50 ล้านบาท

เมื่อวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2564 กรมสอบสวนคดีพิเศษโดย พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายมเหสักข์ พันธ์สง่า ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายพิเชฏฐ์ ทองศรีนุ่น ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษร่วมกับกองทัพเรือภาคที่ 3 นำโดย พลเรือตรี สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 

ได้มอบหมายให้ นายชยพล สายทวี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ นาวาโท คมสัน จ้อยลี ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าปฏิบัติการข่าวทัพเรือภาคที่ 3 และเจ้าหน้าที่ทัพเรือภาคที่ 3 ลงพื้นที่ทำการสืบสวน กรณี กลุ่มเครือข่ายผู้กระทำความผิดกฎหมายบริเวณชายแดนและชายฝั่งทะเล ตามเลขสืบสวนที่ 118/2564 โดยคณะพนักงานสืบสวน ได้เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดตรัง เพื่อทำการสืบสวนข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่กองทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 สามารถนำกำลังเข้าตรวจค้น จับกุม รถบรรทุกที่จอดอยู่ที่บริเวณท่าเรือบางค้างคาว หมู่ 4 ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง พบการขนถ่ายสินค้าผิดกฎหมาย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คนพร้อมของกลางบุหรี่ ยี่ห้อ JOHN BLACK จำนวน 117 ลัง (585,000 มวน) คิดคำนวณเป็นค่าปรับ 54,674,100 (ห้าสิบสี่ล้านหกแสนเจ็ดหมื่นสี่พันหนึ่งร้อยบาท)

กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในบัญชีท้ายประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็น

คดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ตามบัญชีท้าย ข้อ 11 และข้อ 12 ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ฐานนำเข้าในประเทศซึ่งของซึ่งมิได้เสียภาษี ตามมาตรา 186 (2) แห่งพระราชบัญญัติสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และความผิดฐานลักลอบศุลกากร นำของเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 242 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนจะได้ร่วมปฏิบัติงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อบูรณาการร่วมกัน.