"ดีเอสไอ" ตั้งคณะทำงาน คดี "โอ๊ค พานทองแท้" ฟอกเงินกรุงไทย 10 ล้านบาท  เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ ตั้งกรอบให้ทัน 25 เม.ย.นี้ แจงคณะทำงาน มีความโปร่งใสรอบคอบ

เผยแพร่: 17 เม.ย. 2563 12:35 น. ปรับรุง: 17 เม.ย. 2563 12:35 น. เปิดอ่าน 2608 ครั้ง  
 

"ดีเอสไอ" ตั้งคณะทำงาน คดี "โอ๊ค พานทองแท้" ฟอกเงินกรุงไทย 10 ล้านบาท 

เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ ตั้งกรอบให้ทัน 25 เม.ย.นี้ แจงคณะทำงาน มีความโปร่งใสรอบคอบ

ตามที่ คณะอัยการคดีศาลสูง มีมติเอกฉันท์ไม่อุทธรณ์คดี นายพานทองแท้ ชินวัตร จำเลยคดีร่วมกันฟอกเงิน 10 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทยฯ ที่ปล่อยกู้ให้เครือกฤษดามหานคร นั้น


ในวันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน 2563) กรมสอบสวนคดีพิเศษขอชี้แจงว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองบริหารคดีพิเศษ พิจารณาเห็นว่า เป็นคดีที่มีข้อเท็จจริงซับซ้อน เพื่อให้การพิจารณาในชั้นความเห็นแย้งเป็นไปโดยครบถ้วนและรอบคอบ เห็นสมควรพิจารณาในรูปคณะกรรมการ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว จำนวน 5 ท่าน เพื่อมีความเห็นประกอบการพิจารณาสั่งของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ 


นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการโดยเร็วและรอบคอบ หากสามารถมีความเห็นกลับไปยังพนักงานอัยการทันภายในวันที่ 25 เมษายน 2563 ซึ่งครบขยายเวลาอุทธรณ์ ก็จะดำเนินการในทันที แต่หากไม่เสร็จ ก็มีเหตุจำเป็นจะต้องมีหนังสือถึงพนักงานอัยการ ในฐานะโจทก์ เพื่อขอขยายเวลาอุทธรณ์ต่อศาลต่อไป โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษขอยืนยันว่า การพิจารณาเป็นการดำเนินการในรูปคณะทำงาน มีความโปร่งใส รอบคอบ และเป็นไปตามกฎหมาย

ด้าน พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษและรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีหนังสือกล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีอาญากับ นางกศนี จิปิภพ, นางกาญจนาภา หงษ์เหิน, นายวันชัย หงษ์เหิน และนายพานทองแท้ ชินวัตร รวม 4 คน ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้สมคบกัน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษที่ 25/2560 โดยทางคดีทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ต่อมาพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้องต่อศาล โดยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษายกฟ้อง

 
จากนั้น พนักงานอัยการ ในฐานะโจทก์ ได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษา จำนวน 4 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2562 ครั้งที่ 2 ศาลอนุญาต ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ครั้งที่ 3 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 25 มีนาคม 2563 โดยระหว่างนั้น (วันที่ 19 มีนาคม 2563) พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์ (อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง)


ต่อมา วันที่ 26 มีนาคม 2563 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ (ฝ่ายคดีพิเศษ 4)  ส่งสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมความเห็นไม่อุทธรณ์คำพิพากษามายังอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ อันเป็นไปตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 และพนักงานอัยการได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษา เป็นครั้งที่ 4 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 25 เมษายน 2563


ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารความคืบหน้าของคดี ผ่านทางเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th หรือทางเฟซบุ๊ก DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.facebook.com/DSI2002/ เท่านั้น

************************************************

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ