DSI จับ 2 พี่น้องนายทุนเว็บพนันออนไลน์/ฟอกเงิน เครือข่าย “แม่มนต์”
เผยแพร่: 21 ก.พ. 2568 11:09 น. ปรับปรุง: 21 ก.พ. 2568 11:09 น. เปิดอ่าน 553 ครั้งวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 11.30 น. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ได้ร่วมกันจับกุม นายศรวุฒิ (สงวนนามสกุล) และนางสาวผกามาศ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาเครือข่าย “แม่มนต์” ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1894/2567 และ 1901/2567 ลงวันที่ 26 เมษายน 2567
ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันเข้าถึงบัญชีธนาคารของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ของตน ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ร่วมกันฟอกเงิน โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ที่หน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และรวมถึงแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว (ปท.1) ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เรียบร้อยแล้ว
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 76/2566 ของกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรณี กลุ่มผู้กระทำผิดมีการเข้าถึงบัญชีธนาคารของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ของตน ผ่านแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง และ/หรือ อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เพื่อกระทำความผิดในลักษณะเป็นการโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันโดยผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อันทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงการพนันออนไลน์ได้ (เครือข่ายแม่มนต์) มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มีพฤติการณ์เป็นนายทุนเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายแม่มนต์
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจตรี จตุพล บงกชมาศ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป