DSI ร่วมต้อนรับเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐยูกันดา ประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือชาวยูกันดา ที่ถูกล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน
เผยแพร่: 1 เม.ย. 2567 17:42 น. ปรับรุง: 2 เม.ย. 2567 14:15 น. เปิดอ่าน 99 ครั้ง EN(วันที่ 1 เมษายน
2567) เวลา 14.15 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ นางเบตตี้ โอเยลลา บิกอมบ์ (BETTY OYELLA BIGOMBE) เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐยูกันดา
ประจำประเทศไทย และคณะ ณ ห้องรับรองสำนักงานรัฐมนตรี อาคารที่ทำการกระทรวงยุติธรรม
โดยมี พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้อยตำรวจเอก ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ พันตำรวจตรี สิริวิชญ์ ชาญเตชะสิทธิ์กุล ผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ นางสาวนรีลักษณ์ แพไชยภูมิ
ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และนางสาวอทิตยา ทองบุญ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมให้การต้อนรับและเข้าร่วมหารือ
การหารือดังกล่าว
สืบเนื่องด้วยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐยูกันดา ประจำเทศไทยซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
มีหนังสือขอความร่วมมือจากกระทรวงยุติธรรมตามหลักมนุษยธรรม
เพื่อให้ความช่วยเหลือพลเมืองยูกันดา จำนวนกว่า 30 คน
ที่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือควบคุมตัวโดยไม่สมัครใจและถูกบังคับใช้แรงงาน โดยให้ทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ในบริเวณภูเขาของรัฐฉาน
สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2567 กระทรวงยุติธรรม
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ประสานงานเพื่อช่วยเหลือผ่านเครือข่ายภาคประชาชน DSI ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือกับมูลนิธิพัฒนาการศึกษาไร้พรหมแดน บก.ควบคุม ฉก.ราชมนู ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพบพระ จนสามารถช่วยเหลือพลเมืองยูกันดาจำนวน
23 คน
ซึ่งแจ้งความประสงค์ขอกลับประเทศเพื่อผ่านทางประเทศไทยได้ที่บริเวณตำบลช่องแคบ
อำเภอพบพระ จังหวัดตาก
จากกรณีดังกล่าว เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐยูกันดา ประจำเทศไทย
ได้กล่าวแสดงความขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ชาวยูกันดา
ตลอดจนตระหนักถึงความจำเป็นในการมีมาตรการป้องกันกับแรงงานชาวยูกันดาที่ถูกล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านต่อไปในอนาคต
ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวว่ายินดีให้ความร่วมมือกับสาธารณรัฐยูกันดาเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบเพื่อไปให้ถึงต้นตอผู้กระทำผิดและได้มอบหมายให้กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและหลักมนุษยธรรมต่อไป