DSI สนธิกำลังกับ 7 หน่วยงาน เข้าตรวจค้นบริษัทบัญชีและที่ปรึกษากฎหมายรับจัดตั้งบริษัทเป็นนอมินีให้ต่างด้าว-เพิกถอนใบอนุญาต 5 บริษัทนำเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
เผยแพร่: 6 มิ.ย. 2567 17:36 น. ปรับรุง: 6 มิ.ย. 2567 17:36 น. เปิดอ่าน 1921 ครั้ง วันที่ 6 มิถุนายน 2567) พ.ต.ต. ยุทธนา
แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
มอบหมายให้ นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง พร้อมด้วย นายวรพจน์ ไม้หอม
รองผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังร่วมกับ หน่วยงานพันธมิตรตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) การแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้ คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค
8 โดย พล.ต.ท. สุรพงษ์
ถนอมจิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค
8 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต
เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กรมการท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต
เข้าทำการตรวจค้นบริษัท ภูเก็ตเบส
แอคเค้าน์ติ้ง จำกัด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอกะทู้
และเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 เป้าหมาย ซึ่งทางการสืบสวนสอบสวนมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบริษัทดังกล่าวซึ่งประกอบธุรกิจรับทำบัญชีและเป็นที่ปรึกษากฎหมาย
มีพฤติการณ์รับจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทให้แก่ชาวต่างชาติ
ในลักษณะที่อาจฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยจำนวนมาก
กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีความมั่นคง ได้รับไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่
49/2566 จากการตรวจค้นได้ทำการตรวจยึดเอกสาร อุปกรณ์สื่อสาร
ที่มีข้อมูลเชื่อมโยงเส้นทางการเงินของชาวต่างชาติ ซึ่งจะได้นำไปขยายผลถึงนายทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำธุรกิจอำพรางการฟอกเงินต่อไป
หลังจากนั้นหน่วยงานพันธมิตรข้างต้น
เดินทางร่วมตรวจสอบขยายผลจากการที่บริษัทจัดทำบัญชีข้างต้นรับจดจัดตั้งบริษัทให้ชาวต่างชาติเพื่อประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยการอำพราง
อีกจำนวน 7 เป้าหมาย ผลการตรวจสอบพบว่ามีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
พ.ศ. 2551 เจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยว จึงมีคำสั่งเพิกถอนใบประกอบธุรกิจนำเที่ยวในวันนี้จำนวน
5 บริษัท
และจะพิจารณาขยายผลมีคำสั่งเพิกถอนใบประกอบธุรกิจนำเที่ยวเพิ่มเติมจากเครือข่ายนี้อีกกว่า
10 บริษัทต่อไป
ในการปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งได้สั่งการให้ตัดตอนผู้กระทำความผิดในชั้นผู้สั่งการในพื้นที่ (เฟสสอง) ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีความมั่นคง มีข้อมูลของกลุ่มเครือข่ายบริษัทที่ปรึกษากฎหมายหรือบริษัทรับทำบัญชีทั้งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เมืองพัทยา และจังหวัดเชียงใหม่ที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจะดำเนินการให้ถึงตัวนายทุนชาวต่างชาติที่นำเงินเข้ามาโดยผิดกฎหหมายเพื่อมาทำการฟอกเงินโดยการใช้ธุรกิจอำพรางประเภทนี้ต่อไป