DSI ลงพื้นที่ภูเก็ต บุกทลายเครือข่าย สำนักงานกฎหมาย รับจดทะเบียนบริษัท “นอมินี” ให้คนต่างด้าวเกือบ 70 บริษัท
เผยแพร่: 16 มิ.ย. 2566 6:52 น. ปรับรุง: 3 ก.ค. 2566 10:07 น. เปิดอ่าน 27327 ครั้ง![](/images/icon_EN.png)
DSI ลงพื้นที่ภูเก็ต บุกทลายเครือข่าย สำนักงานกฎหมาย รับจดทะเบียนบริษัท “นอมินี” ให้คนต่างด้าวเกือบ 70 บริษัท
วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน 2566) เวลา 10.30 น. พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง รองผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง ผู้อำนวยการส่วนกองคดีความมั่นคง คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 295/2565 สนธิกำลังร่วมกับจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ลงพื้นที่เข้าทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายบริษัทสำนักกฎหมายรับทำบัญชีที่มีพฤติการณ์รับจดทะเบียนให้บริษัทต่างชาติ เพื่อประกอบธุรกิจอันผิดกฎหมายนอมินี จำนวน 3 จุด มีพฤติการณ์รับจ้างจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัดให้แก่คนต่างด้าว โดยใช้ชื่อของลูกจ้างในสำนักงานถือหุ้นแทนคนต่างด้าวจำนวนเกือบ 70 บริษัทอันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นยังไม่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้ แต่คาดว่าบริษัทฯ นอมินีดังกล่าว อาจจะไปประกอบธุรกิจต้องห้ามทำให้เกิดความเสียหายในระบบเศรษฐกิจได้เป็นจำนวนมาก
ผลการตรวจค้นพบว่า มีการจัดให้เจ้าหน้าที่ของบริษัท เข้าเป็นผู้ถือหุ้นในลักษณะนอมินีของชาวต่างชาติและจากข้อมูลในการตรวจค้นครั้งนี้ พบบริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 44 บริษัท การท่องเที่ยว 8 บริษัท และการบริการอื่นอีก 14 บริษัท ที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้ง 44 บริษัท มีมูลค่าการถือครองอสังหาริมทรัพย์ 10 ถึง 20 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 440 ล้านบาท ในการทำธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนผู้ถือหุ้น ที่มิได้มีโอนขายเปลี่ยนแปลงทางสำนักงานที่ดิน ทำให้รัฐสูญเสียภาษีและค่าธรรมเนียม ในการทำธุรกรรมเหล่านี้ ต่อครั้งประมาณ 8% ในแต่ละครั้ง รัฐต้องสูญเสียการทำรายได้จากค่าธรรมเนียม ประมาณ 35 ล้านบาท กรณีนี้จะมีการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกต่อไปว่ามีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น ลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์แทนกี่ครั้งหากยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงการทำธุรกรรมกับกรมที่ดินหลายครั้ง โดยเบื้องต้น ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ เป็นการบูรณาการและได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหลายภาคส่วน ทั้งจากจังหวัดภูเก็ต โดยนายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดปราบปราม ให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย เนื่องจากกรณีดังกล่าว เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรงเป็นการตัดโอกาสในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการสัญชาติไทย ทำให้ไม่สามารถแข่งขันในทางธุรกิจได้อย่างเป็นธรรม
และในเวลา 15.00 น. พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยนายทวีวัฒน์สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง ได้ประชุมหาร่วมกันกับ นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยมีแนวทางจะพิจารณาร่วมกันหามาตรการและแนวทางทั้งในเชิงป้องกันและปราบปราบเพื่อลดความเสียหายเชิงเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในการทำธุรกิจของบริษัทต่างด้าวในรูปแบบนอมินี
ทั้งนี้ จากการหารือทางจังหวัดภูเก็ตจะร่วมกับภาคธุรกิจ เช่นหอการค้าจังหวัด จัดเวทีทำความเข้าใจในลักษณะการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายไทย โดยเชิญกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วมในเวทีดังกล่าวด้วย