DSI จับกุมผู้ต้องหาคดีนำเข้ารถหรูคาบ้านพักใน จ.พัทลุง มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท !
เผยแพร่: 1 พ.ย. 2567 10:15 น. ปรับรุง: 1 พ.ย. 2567 10:15 น. เปิดอ่าน 578 ครั้งวันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2567) เวลาประมาณ 06.45 น. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว โดยชุดปฏิบัติการที่ 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเขาชัยสน ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา นายรามนุชิต (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 933/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยง การเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสีย สำหรับของนั้น ๆ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 โดยเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บริเวณบ้านในตำบลควนขนุน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้แจ้งข้อกล่าวหา และสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และรวมถึงแจ้งว่า ต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ให้ผู้ต้องหา ได้รับทราบแล้ว รวมทั้งแจ้งพนักงานอัยการจังหวัดพัทลุง และนายอำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง และได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว (ปท.1) ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 85/2565 ของสำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ซึ่งนายรามนุชิตฯ ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ร่วมกับบริษัท โฮม เทรดดิ้ง จำกัด นำเข้ารถยนต์หรูโดยเลี่ยงภาษีทำให้รัฐได้รับความเสียหายภาษีอากรขาดไป จำนวนกว่า 10,532,924.28 บาท
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชาจัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป