ดีเอสไอ จับกุมผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 39/2561 กรณี การกระทำความผิดฐานฟอกเงินและความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับคดีพิเศษที่ 103/2560 มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
เผยแพร่: 18 ม.ค. 2564 16:18 น. ปรับรุง: 2 มิ.ย. 2564 15:09 น. เปิดอ่าน 2577 ครั้ง ENดีเอสไอ จับกุมผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 39/2561 กรณี
การกระทำความผิดฐานฟอกเงินและความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับคดีพิเศษที่ 103/2560
มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน
ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษที่ 103/2560 กรณี บริษัท อีเกิ้ลเกทส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งในคดีดังกล่าว ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 35 ราย ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการขยายผลกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดในความผิดฐานฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษที่ 39/2561 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สรุปสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องและออกหมายจับผู้ต้องหารวม 11 ราย ซึ่งมีทั้งผู้ต้องหาชาวไทยและต่างชาติ โดยได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 ราย โดยหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับ เป็นตัวการชาวไต้หวันรายใหญ่ ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการฟอกเงินและแชร์ลูกโซ่อีกหลายกลุ่ม
ต่อมา เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวน ติดตาม และจับกุม ผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้อีก 1 ราย คือ นางสาวสมพร พัฒน์จันทร์ ซึ่งเป็นภรรยาของตัวการชาวไต้หวันและเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1135/2563 พร้อมกับได้ทำการสอบสวนขยายผล
จากการดำเนินการสอบสวนคดีนี้ พบว่า กลุ่มผู้กระทำผิดมีการกระทำในลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการและมีการแบ่งหน้าที่กันทำ และเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการฟอกเงินทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เบื้องต้นพบมูลค่าเสียหายประมาณ 220,000,000 บาท ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทำการสืบสวนขยายผล และติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเพื่อดำเนินการคดีตามกฎหมายต่อไป
กรมสอบสวนคดีพิเศษมีความมุ่งมั่นในการสืบสวน สอบสวน ป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอฝากเตือนไปยังประชาชน ให้ระมัดระวังการชักชวนให้ลงทุนที่อ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราที่สถาบันการเงินพึงจ่ายได้ แม้ว่าจะมีการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยวิธีต่าง ๆ หรือการโฆษณาชวนเชื่อว่า มีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ ขออย่าได้ไว้วางใจโดยเฉพาะหากมีพฤติการณ์ในการชักชวนลงทุนดังกล่าว ขอให้ตรวจสอบความเป็นมาของบริษัทหรือประวัติของผู้ชักชวนให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และหากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแส สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ที่ เลขที่ 128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หรือทางสายด่วน DSI Call Center โทร. 1202 โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ