DSI จับกุมหญิงรับจ้างอุ้มบุญผิดกฎหมายคาสนามบิน หลังกลับจากต่างประเทศ
เผยแพร่: 15 ม.ค. 2567 18:41 น. ปรับรุง: 24 ม.ค. 2567 10:40 น. เปิดอ่าน 1755 ครั้งวันที่ 13
มกราคม 2567 เวลาประมาณ 02.00 น. ชุดปฏิบัติการสืบสวน ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว
ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าวโดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ได้ประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกองบังคับการสืบสวนปราบปราม บก.ตม.2
ร่วมกันจับกุม นางสาวสายฝน (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่
3812/2566 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดร้ายเเรงอันเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ฯลฯ โดยจับกุมได้ที่ บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ
ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการ ขณะผู้ต้องหากำลังเดินทางกลับจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทย
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่
236/2565กรณีขบวนการลักลอบจัดหาหญิงไทยเพื่อรับจ้างตั้งครรภ์แทน (อุ้มบุญ)
ให้กับผู้ว่าจ้างชาวต่างประเทศที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในจังหวัดหนองคาย
กรณีเด็กชายแทนไทย (นามสมมุติ) ซึ่งมีนางสาวสายฝน (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ต้องหา
และหลบหนีไปต่างประเทศ จึงขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับและประกาศสืบจับไว้ ต่อมาคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนเสร็จสิ้น
ทางคดีมีความเห็นควรสั่งฟ้องนางสาวสายฝนฯ และได้เสนอความเห็นพร้อมสำนวนคดีพิเศษไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ
สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ต่อมา ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับประสานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ว่านางสาวสายฝนฯ
กำลังเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักร ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ ในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม
2567 จึงร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ
เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามกฎหมาย ต่อมาวันนี้ จึงได้ควบคุมนางสาวสายฝนฯ
ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“ภัยจากอาชญากรรมพิเศษมีผลกระทบร้ายแรงต่อสังคม
ดังนั้น ในการปฏิบัติงานด้านคดีพิเศษกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้มีการบูรณาการการปฏิบัติงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในการร่วมกันกันป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษให้เป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสาธารณชน” พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ
รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว