DSI ส่งสำนวนคดีฟอกเงิน ในความผิดมูลฐาน บริษัท เดอะ ชิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด กับพวก หลอกลวงให้ร่วมลงทุน

เผยแพร่: 21 ก.พ. 2566 17:38 น. ปรับรุง: 21 ก.พ. 2566 17:38 น. เปิดอ่าน 1894 ครั้ง  
 

DSI ส่งสำนวนคดีฟอกเงิน ในความผิดมูลฐาน 
บริษัท เดอะ ชิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด กับพวก หลอกลวงให้ร่วมลงทุน


      
  วันนี้ (วันที่ 21  กุมภาพันธ์ 2566)  พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 66/2563 กรณี        นายภาคิน  กิตติธราดิลก ผู้ต้องหา กระทำความผิดฐานฟอกเงินในความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ         โดยคดีพิเศษดังกล่าวเป็นคดีความผิดต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกันกับคดีพิเศษที่ 112/2560 กรณี บริษัท เดอะ   ชิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด และบริษัท อินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด โดยนายภูดิศ  กิตติธราดิลก มีพฤติการณ์ร่วมกันหลอกลวงโดยประกาศโฆษณาต่อประชาชนทั่วไปหรือบุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ว่าผู้ต้องหากับพวก      มีกิจการรับประชาชนทั่วไปให้เข้าร่วมลงทุนหรือให้กู้ยืมเงิน โดยตกลงที่จะจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนในอัตราร้อยละ 7 ต่อสัปดาห์ และกำหนดจ่ายผลตอบแทนให้ทุกสัปดาห์  เป็นระยะเวลา 52 สัปดาห์ ( 1 ปี ) ทำให้มี ประชาชนหลงเชื่อและนำเงินมาเข้าร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลง เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับความเสียหายจำนวน 2,653 คน รวมมูลค่าความเสียหาย 574,188,781.22 บาท    
           สำหรับคดีพิเศษที่ 66/2563 นี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้อนุมัติให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดรายอื่นที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานปรากฏข้อเท็จจริงว่า  เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2558 ถึงวันที่ 29 มีนาคม 2560 เวลาใดไม่ปรากฏชัด ต่อเนื่องเกี่ยวพันกันนายภาคินฯ ผู้ต้องหา  รับโอนเงินจากผู้ต้องหาในคดีพิเศษ              ที่ 112/2560  ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมูลฐาน ในขณะที่รู้อยู่แล้วว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำความผิด  โดยมีเจตนาเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้นฯ หลายกรรมต่างกันตามจำนวนครั้งที่รับโอนและได้มาครอบครอง  จำนวน 68 ครั้ง และการโอนต่อไปยังบุคคลอื่น จำนวน 7 ครั้ง   รวมการทำธุรกรรมทั้งสิ้น 75 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 93,506,061.44 บาท  โดยมีรัฐเป็นผู้เสียหาย 
          ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบการสอบสวน มีความเห็น “ควรสั่งฟ้อง” ผู้ต้องหาในความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 5 (1) (2) (3) และมาตรา 60 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91  ทั้งนี้ โดยได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 2    นำสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 66/2563 จำนวน 4 แฟ้ม 1,219 แผ่น ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย สำหรับผู้ต้องหาในคดีนี้ได้หลบหนี พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับและได้ประกาศสืบจับไว้แล้ว          

 

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ