ศาลอาญาพิพากษาจำคุกจำเลยคดีแชร์ลูกโซ่ “กองทุนพัฒนาเกษตรกรไทยสู่สากล (กทพส.)” 352 ปี ปรับ 35.2 ล้านบาท – ให้ชดใช้เงินคืนผู้เสียหาย DSI เล็งใช้ AI ตรวจจับบนระบบอินเตอร์เน็ต !!
เผยแพร่: 3 ก.ย. 2567 19:56 น. ปรับรุง: 3 ก.ย. 2567 19:56 น. เปิดอ่าน 57 ครั้งตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ
โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้ทำการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 40/2559 กรณี มีบุคคลกล่าวหาบริษัท
ไอ.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1 และนายดิษฐานนท์(สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาที่ 2 ในฐานะส่วนตัว ว่ากระทำความผิดโดยทุจริตร่วมกันหลอกลวง
โดยประกาศโฆษณาต่อประชาชนทั่วไปว่าดำเนินการจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาเกษตรกรไทยสู่สากล (กทพส.)”
เพื่อดำเนินโครงการ“เห็ดล้านก้อนไถ่ถอนชีวิตโค - กระบือ” โดยสอบสวนเสร็จสิ้น และมีความเห็นควร
สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
ตามประมวลกฎหมายอาญา และพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527
ไปยังสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา
และพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองต่อศาลอาญา เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ 263/2565 นั้น
บัดนี้ ศาลอาญามีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ 234/2567
พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้อง และกระทำต่างกรรม ต่างวาระ จำนวน 88
กระทง ให้ลงโทษปรับบริษัท ไอ.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำเลยที่ 1 รวมทั้งหมด
52,800,000 บาท และให้จำคุก นายดิษฐานนท์ (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 2 รวมทุกกระทง 528 ปี ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง
มีเหตุบรรเทาโทษเห็นควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละหนึ่งในสาม คงปรับจำเลยที่ 1 รวมเป็นเงิน
35,200,000 บาท และให้จำคุกนายดิษฐานนท์
(สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 2 รวมทุกกระทง 352 ปี ความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนมีอัตราโทษสูงจำคุกไม่เกินสิบปี
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 91 (2) ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายพร้อมอัตราร้อยละ 5 ต่อปี
ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้เสียหายแต่ละราย
กรณีดังกล่าว มีพฤติการณ์โดยย่อคือ กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันหลอกลวง
โดยประกาศโฆษณาต่อประชาชนทั่วไปว่าดำเนินการจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาเกษตรกรไทยสู่สากล
(กทพส.)” เพื่อดำเนินโครงการ “เห็ดล้านก้อนไถ่ถอนชีวิตโค – กระบือ” ได้รับเปิดสมัครสมาชิกทั่วไปเข้าร่วมโครงการ โดยสมาชิกจะต้องไปรวมกลุ่มกันให้ได้ กลุ่มละ 20 คน
สมาชิกที่เข้าร่วมจะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการทำแฟ้ม
จัดเตรียมข้อมูลฝึกอบรมและกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น จำนวน 350 บาท
และจ่ายเงินออมสัจจะอีกเดือนละ 100 บาท รวม 1,550 บาทต่อปี เมื่อครบ 1 ปี
จึงจะมีสิทธิเบิกเงินออมสัจจะคืนได้ โดยมีผลประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับคือก้อนเชื้อเห็ดคนละ
2,000 ก้อนและโรงเรือนเพาะเห็ดคนละ 1 โรง รวมผลประโยชน์ที่จะได้รับรวมมูลค่า 30,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 1,935.4 ต่อปีของจำนวนเงินที่นำมาลงทุน รวมทั้งเมื่อมีสมาชิกมาสมัครมากขึ้น
ก็มีการนำเสนอโครงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการเห็ดล้านก้อนฯ
เพื่อชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุน โดยเสนอผลตอบแทนสูง โดยไม่มีเจตนาดำเนินโครงการจริง
โดยมีผู้ได้รับความเสียหายจำนวน 88 คน รวมมูลค่าความเสียหายจำนวน 7,012,150 บาท
กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงขอประชาสัมพันธ์คำพิพากษาศาลอาญามาเพื่อทราบ ทั้งนี้ ขอแจ้งเตือนไปยังกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์จัดตั้ง “แชร์ลูกโซ่” ว่าเป็นคดีที่มีอัตราโทษจำคุกสูงและถูกจำคุกตามจำนวนที่กระทำผิดต่อผู้เสียหายเรียงกระทงความผิด และสำนักงาน ป.ป.ง. ยึดทรัพย์เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กำลังพัฒนาระบบเฝ้าระวังการกระทำความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่บนระบบอินเตอร์เน็ตด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อป้องปรามการกระทำความผิดดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น