DSI ชี้แจงภรรยาโกฟุก ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินพนันออนไลน์ นำตัวฝากขังต่อศาลแล้วยันดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน
เผยแพร่: 11 มี.ค. 2567 10:23 น. ปรับรุง: 11 มี.ค. 2567 10:23 น. เปิดอ่าน 40 ครั้ง ด้วยปรากฏข่าวผ่านสื่อสาธารณะหลายช่องทางในข่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “โกฟุก” ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษที่ 10 / 2567 กรณีเครือข่ายพนันออนไลน์และฟอกเงิน มีการหลบหนีออกนอกประเทศขณะเดียวกันมีความพยายามขอประกันตัวภรรยาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ออกไปต่อสู้คดี รวมทั้งปรากฏข้อความในแอพพลิเคชั่น TikTok ของสมาชิกคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “Newด่วนด่วน ด่วน! คนโกงชาติกว่า 2 หมื่นล้าน นักการเมืองตัวใหญ่(พ่อค้าแป้ง) ระดับสั่งการ ฮั้ว หัวหน้าพนักงานสอบสวน DSI ศาล ล็อบบี้กันเพื่อประกันตัวเมียรักโกฟุก คนโกงชาติกว่า 2 หมื่นล้าน เพื่อเตรียมหนีไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศวันพรุ่งนี้ 9 มี.ค. (ข่าวลือมาว่ามีเงินสะพัดวิ่งเต้นกว่า 20 - 50 ล้านบาท)” นั้น
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับการที่กองคดีฟอกเงินทางอาญา มีการสอบสวนคดีพิเศษที่ 10/2567 กรณีเครือข่ายพนันออนไลน์และฟอกเงิน “โกฟุก” ต่อมาได้มีการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหารวม 18 คนและนำไปสู่การตรวจค้นสถานที่ต่าง ๆ จำนวน 27 จุด ในพื้นที่หลายจังหวัด เมื่อวันที 1 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาและยึดสิ่งของเป็นหลักฐาน และมีการจับกุม ได้แล้วจำนวน 7 คน โดยหนึ่งในจำนวนดังกล่าวมีภรรยาของโกฟุกรวมอยู่ด้วย พร้อมยึดทรัพย์สินและสิ่งต่าง ๆ ที่อาจเป็นพยานหลักฐานจำนวนมาก รวมกว่า 400 รายการ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการสอบสวนขยายผลในการกระทำความผิดของเครือข่ายดังกล่าว ในเรื่องของการฉ้อภาษีของรัฐ เกี่ยวกับการสร้างหลักฐานเท็จเกี่ยวกับส่งนำมันเชื้อเพลิงออกไปนอกราชอาณาจักรและนำมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ๆ รวมกว่า 20,000 ล้านบาท เป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ส่วนภรรยาของ “โกฟุก” นั้น พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างการสอบสวนโดยตัวผู้ต้องหาอยู่ในอำนาจควบคุมตามคำสั่งศาลแล้ว และ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีข้อสั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่มีความเสียหายสูง มีอัตราโทษจำคุกสูงถึง1 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีพฤติการณ์กระทำความผิดมาเป็นเวลานาน อันเป็นความผิดหลายกรรม หากปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรืออาจหลบหนีซึ่งมีการยื่นคำร้องฝากขังระหว่างการสอบสวน ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และกรมสอบสวนคดีพิเศษคัดค้าน การขอปล่อยตัวชั่วคราวมาโดยตลอด ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2567 ผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวและศาลอาญาได้วินิจฉัยคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวและคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแล้วได้มีคำสั่งยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราว
กรณีตามข่าวจึงไม่เป็นความจริง และทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรวมถึงกระบวนการยุติธรรมชั้นศาลเสียหาย ทั้งนี้ จะได้สืบสวนหาต้นตอข้อมูลแหล่งข่าวและวัตถุประสงค์ที่ดำเนินการต่อไป จึงประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน