DSI สนธิกำลังกับกองบังคับการปราบปรามตรวจค้นและจับกุมพวกใคร่เด็กรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ
เผยแพร่: 23 ก.ค. 2561 17:10 น. ปรับรุง: 23 ก.ค. 2561 17:10 น. เปิดอ่าน 2222 ครั้งDSI สนธิกำลังกับกองบังคับการปราบปรามตรวจค้นและจับกุมพวกใคร่เด็กรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ
สืบเนื่องจากกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขยายผลทางคดีจากการตรวจค้นคู่ขนานในประเทศออสเตรเลียเมื่อเดือนมกราคม 2561 สืบเนื่องจากการสืบสวน กรณี เว็บไซต์ต้องสงสัยอาจมีการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลสื่อลามกอนาจารเด็กและอาจมีการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เรื่องสืบสวนที่ 291/2560 โดยตำรวจประเทศออสเตรเลียได้ตรวจค้นและจับกุม นายฤชา โต๊ะพุทซา บุคคลสัญชาติไทย-ออสเตรเลีย ข้อหากระทำชำเราเด็กและครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก พร้อมกับสามารถระบุตัวผู้เสียหายในประเทศออสเตรเลียได้จำนวนหนึ่ง รวมถึงมีการขยายผลโดยร่วมกับสำนักงานสืบสวนความมั่นคงมาตุภูมิ (Homeland Security Investigation – HSI) จนนำไปสู่การตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องสงสัยในประเทศสหรัฐอเมริกา นั้น
กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ประสานงานด้านข้อมูลจากตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (Australian Federal Police – AFP) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยและเหยื่อการล่วงละเมิดเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าเหตุเกิดในประเทศไทย จึงได้ส่งเรื่องให้กับกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อตรวจสอบข้อมูล จากนั้นจึงได้ประสานกับแผนกอาชญากรรมต่อเด็กภูมิภาคเอเชียประจำสำนักงานองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) เพี่อตรวจสอบข้อมูลและระบุตัวผู้เสียหายจากระบบฐานข้อมูลการแสวงประโยชน์ทางเพศจากเด็ก (International Child Sexual Exploitation (ICSE) Database) ตามข้อมูลที่ได้รับจากตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย จนสามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ในพื้นที่ จังหวัดลำปาง และผู้เสียหายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากผู้ต้องสงสัยมีพฤติการณ์ล่วงละเมิดทางเพศเด็กในหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดลำปาง
ต่อมาในวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สนธิกำลังกับกองบังคับการปราบปราม ในการตรวจจับและจับกุม นายสุทธิพงษ์ สลีสองสมผู้ต้องสงสัย ณ บ้านเลขที่ 320/1 ถนนพหลโยธิน ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โทรมเด็กชาย พาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร และพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร
จากการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบสื่อลามกอนาจารเด็กซึ่งนายสุทธิพงษ์ฯ ได้กระทำการล่วงละเมิดและบันทึกภาพระหว่างการละเมิดเก็บไว้ เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพของเด็กในพื้นที่จังหวัดลำปางจากการสอบปากคำทราบว่าเคยล่วงละเมิดต่อเด็กเป็นจำนวนกว่าสิบราย เนื่องจากเคยทำงานอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายฤชา โต๊ะพุทซา ซึ่งถูกจับที่ประเทศออสเตรเลีย และเชื่อว่ามีการแลกเปลี่ยนภาพลามกอนาจารซึ่งกันและกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายสุทธิพงษ์ฯ มายังกรุงเทพมหานคร เพื่อนำตรวจค้นที่เกิดเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานครต่อไป
นอกจากนี้ คณะสืบสวนจับกุมจึงได้ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำปาง และกรมการปกครอง รวมถึงองค์กรเอกชนไม่แสวงผลกำไรในพื้นที่ เพื่อระบุตัวผู้เสียหาย จนสามารถติดตามตัวผู้เสียหายในพื้นที่ได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งได้ยอมรับว่าเคยถูกกระทำทางเพศโดยนายสุทธิพงษ์ฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงประสานกับตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญาเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานสำหรับการดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายฤชา โต๊ะพุทซา ในประเทศออสเตรเลียต่อไป
การตรวจค้นและจับกุมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อหยุดยั้งการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และจะมีการขยายผลเพื่อระบุตัวผู้ต้องสงสัยและผู้เสียหายรายอื่นๆ ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการติดตามตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กเพื่อให้การช่วยเหลือและดูแลเด็กให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพและสภาพร่างกายและจิตใจของผู้เสียหายเป็นสำคัญ ตามแนวปฏิบัติผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง (Victim-centered)