DSI เข้าตรวจค้นคฤหาสน์บนสันเขากลางป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลา จังหวัดพังงา
เผยแพร่: 12 มิ.ย. 2560 14:58 น. ปรับรุง: 12 มิ.ย. 2560 14:58 น. เปิดอ่าน 2567 ครั้งDSI เข้าตรวจค้นคฤหาสน์บนสันเขากลางป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลา จังหวัดพังงา
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ และใช้มาตรการทางกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำชับให้กรมสอบสวนคดีพิเศษปฏิบัติงานตามนโยบายและข้อสั่งการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด และดำเนินการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามการบุกรุกที่ดินของรัฐ โดยให้เร่งดำเนินการป้องกันและปราบปรามอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและต่อเนื่อง นั้น
กระทรวงยุติธรรมได้รับการร้องเรียนจากเครือข่ายกลุ่มอันดามัน กรณีมีผู้มีอิทธิพลหลายกลุ่มได้บุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดพังงาหลายพื้นที่ ในการนี้ พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านอำนวยความยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสืบสวนสอบสวน และจากการตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้
1. พบว่ามีการปลูกสร้างบ้านพักขนาดใหญ่ จำนวน 2 หลัง ตั้งอยู่บนสันเขาที่เป็นเทือกเขาสูง สามารถมองเห็นเกาะภูเก็ต และอ่าวพังงา อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลา และแหลมซำ ซึ่งประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติเมื่อปี 2527 โดยก่อนหน้านี้ประกาศเป็นป่าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 โดยมีการสร้างถนนส่วนบุคคล เชื่อมต่อจากเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1004 จำนวน 1 เส้นทาง ระยะทางประมาณ 2.8 กิโลเมตร เพื่อใช้เดินทางเข้ามายังบ้านพัก
2. พบว่าบริเวณตัวบ้าน และบริเวณข้างเคียง เดิมมีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินเป็นน.ส.3 ก. เลขที่ 1281 แปลงเดียว เนื้อที่ 39 ไร่ ทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลาฯ ครอบคลุมภูเขาทั้งลูก ต่อมาได้มีการแบ่งแยกเป็น 14 แปลงหลัก และได้มีการรวมแปลงและแบ่งแยกที่ดินออกไปอีกจำนวนหลายแปลง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการออกโดยการเดินสำรวจในช่วงปี 2520 โดยไม่มีหลักฐานของที่ดินเดิม และอ้างว่าปลูกสวนผลไม้มาประมาณ 33 ปี ซึ่งจากการอ่านแปลวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศพบว่า ในปี พ.ศ. 2510 และ พ.ศ. 2519 พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นป่า 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ จึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ อีกทั้งกฎกระทรวงฉบับที่ 5 ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ห้ามออกเอกสารสิทธิในที่เขาหรือภูเขา และในเขตที่สงวนหวงห้ามของรัฐ การออกน.ส.3 ก.ฉบับดังกล่าวจึงเป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้ที่ครอบครองจึงอยู่ในฐานะของผู้ที่บุกรุกที่ดินของรัฐ ป่า และป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยในวันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2560 พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วย พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจโท มนตรี บุณยโยธิน ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่จากกองพลทหารราบที่ 5 และกรมป่าไม้ นำหมายค้นของศาลจังหวัดพังงา เข้าตรวจค้นบ้านพักซึ่งตั้งอยู่บนสันเขาในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลา และป่าแหลมซำ อยู่ในท้องที่ ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา โดยมีข้อสงสัยว่ามีการบุกรุก ยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ ก่อสร้าง หรืออยู่อาศัย และออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ
“การดำเนินคดีกับผู้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติและที่ดินของรัฐทุกประเภทถือเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หน่วยทหาร กรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นภารกิจสำคัญ และถือเป็นภารกิจที่จะต้องทวงคืนเอาแผ่นดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของรัฐและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด สำหรับผู้กระทำผิดรายนี้ (ขอสงวนนาม) เป็นนายทุนรายใหญ่ที่มีฐานะร่ำรวยในระดับต้นๆ ของจังหวัดภูเก็ต มีพฤติการณ์ในการบุกรุกที่ดินของรัฐในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงาหลายแห่ง และร่ำรวยจากการค้าขายที่ดินที่ผิดกฎหมาย มีคดีความอยู่กับกรมสอบสวนคดีพิเศษทั้งที่อยู่ในชั้นศาลและอยู่ระหว่างดำเนินคดี ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการด้านกฎหมายฟอกเงิน เข้าไปดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบกับบุคคลดังกล่าวต่อไป” พันตำรวจเอก ไพสิฐ กล่าว
**********************************