DSI แจ้งข้อหาเลี่ยงภาษีแก่นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ

DSI แจ้งข้อหาเลี่ยงภาษีแก่นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ

ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรม ที่ต้องการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยการช่วยเหลือประชาชนที่เป็นลูกหนี้และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายทุนเงินกู้นอกระบบ จึงให้กรมสอบสวนคดีพิเศษบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการปล่อยเงินกู้ของนายทุนที่ใช้เงื่อนไขทางกฎหมายเอารัดเอาเปรียบประชาชน บังคับคดียึดที่ดิน ทรัพย์สินให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทุนเป็นจำนวนมาก

สืบเนื่องจากกรณีที่มีประชาชนจังหวัดชัยภูมิ ได้ร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตรวจสอบการกระทำของ นางวิไลพร ไทยงาม กับพวก โดยกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ให้ประชาชนในจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดใกล้เคียง โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และให้ลูกหนี้ลงชื่อในเอกสารเพื่อใช้โฉนดที่ดินและทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นหลักประกันเงินกู้ และเมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้จะมีการบังคับตามสัญญาประกันจนชาวบ้านที่กู้เงินนอกระบบดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อน ถูกบังคับคดียึดบ้านและที่ดินเป็นจำนวนมาก

                        ในเบื้องต้น กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนสอบสวนโดยใช้มาตรการทางภาษีดำเนินคดี  โดยได้ตรวจสอบ พบว่าบุคคลดังกล่าว มีบัญชีเงินฝากจำนวนหลายสิบบัญชี และได้กรรมสิทธิในที่ดินและ อสังหาริมทรัพย์มาเป็นจำนวนมากโดยไม่เสียค่าตอบแทน จึงได้ประสานข้อมูลให้กรมสรรพากรประเมินเรียก เก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับปีภาษี 2550 - 2555 สำหรับกลุ่มบุคคลดังกล่าว เป็นเงินรวมประมาณ 230,000,000 บาท (สองร้อยสามสิบล้านบาท) โดยเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เรียก นางวิไลพร ไทยงาม และนายธเนศ มะลิทอง มารับทราบ ข้อหาทางอาญา ในความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร ซึ่งหลังจากนี้จะได้พิจารณาพยานหลักฐานสรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาภายในเดือนสิงหาคม 2561 และในส่วนประเด็นความผิดอื่น ๆ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่คิดจะกระทำผิดในลักษณะเดียวกันอีก