DSI ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ตรวจสอบที่ดินกว่า 1,500 ไร่ ในเขตป่าไม้ถาวร คดีพิเศษที่ 108/2563
เผยแพร่: 21 ธ.ค. 2564 15:41 น. ปรับรุง: 25 มี.ค. 2565 14:36 น. เปิดอ่าน 3063 ครั้ง ENDSI ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ตรวจสอบที่ดินกว่า 1,500 ไร่ ในเขตป่าไม้ถาวร คดีพิเศษที่ 108/2563
วันนี้ (วันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2564) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะผู้กำกับดูแล ได้สั่งการให้นายมเหสักข์ พันธ์สง่า ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายวรพจน์ ไม้หอม รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค และร้อยตำรวจโท เสฎฐวุฒิ สายป้อง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 3 สนธิกำลังกับหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) , สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) , หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ขย.6 (วังตะเฆ่) , ปลัดอำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ , ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน. และ กอ.รมน.จังหวัดชัยภูมิ , เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ , ผู้นำท้องถิ่น ร่วมกับคณะที่ปรึกษาคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่จากส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงที่ดินป่าไม้ ในเขตป่าไม้ถาวร ท้องที่ตำบลแหลมทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ (คดีพิเศษที่ 108/2563)
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคำร้องขอจากกรมป่าไม้ ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุน ที่เข้าไปกว้านซื้อที่ดินบริเวณ “ป่าภูเขียว” ทำการปลูกยางพารา ปลูกสร้างบ้านพัก ในเนื้อที่ประมาณ 1,500 ไร่ โดยที่ดินแปลงดังกล่าว ตั้งอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าหมายเลข 10 แปลง 1” ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 12 พฤศจิกายน 2506 ซึ่งกำหนดให้สงวนไว้เพื่อเป็นสมบัติของชาติ อยู่ในท้องที่ตำบลแหลมทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีเหตุอันควรสงสัยว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงมีคำสั่งให้สืบสวน โดยพบพฤติการณ์และการกระทำเป็นความผิดฐานก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่าหรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือ หรือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยกระทำเป็นเนื้อที่เกินกว่า 25 ไร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี และความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครอง รวมถึงการก่นสร้างหรือเผาป่า เนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ประกอบมาตรา 108 ทวิ โดยความผิดทั้ง 2 ฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดที่มีบทกำหนดโทษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 ข้อ 20 และ 23 ตามลำดับ และมีลักษณะคดีตามความในมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1)(ก) และ (ข) โดยในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้เป็นคดีพิเศษ ที่ 108/2563
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค และกองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ปฏิบัติการตรวจจับค่าพิกัดดาวเทียมระบุตำแหน่งที่ดินและอาณาเขต ที่มีการบุกรุกแผ้วถางยึดถือครอบครองฯ วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ ตรวจหาร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินป่าไม้ย้อนหลังเป็นรายปี โดยได้นำอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ทำการบินบันทึกภาพพื้นราบและภาพมุมสูง เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินป่าไม้ที่เป็นปัจจุบัน เพื่อนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานในคดี และจากการสืบสวนสอบสวนดังกล่าวพบว่าที่ดินแปลงเกิดเหตุ ตั้งอยู่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีเนื้อที่กว่า 400,000 ไร่ ที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์และมีสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก ได้แก่ ช้าง หมี กระทิง เสือ เก้ง และกระรอก เป็นต้น หากสอบสวนพบว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม จะได้ทำการสอบสวนขยายผล เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระผิดต่อไป