รักษาการอธิบดี DSI ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสถานประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต 8 แห่ง และเข้าตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่บริเวณแหลมยามู ที่ตั้งวิลล่าหรู พร้อมรับนโยบายรองนายกอนุทิน ร่วมกับจังหวัดแก้ปัญหา คืนภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว-ไร้อิทธิพล
เผยแพร่: 15 มี.ค. 2567 9:41 น. ปรับรุง: 15 มี.ค. 2567 10:38 น. เปิดอ่าน 777 ครั้ง วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2567) พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของกองคดีความมั่นคงในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและบูรณาการทำงานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และติดตามการปฏิบัติงานของกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินพื้นที่แหลมยามู ที่มีเหตุสงสัยว่ากระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โดยในเวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต พันตำรวจตรี ยุทธนาฯ ได้เป็นประธานการประชุมบูรณาการร่วมกันกับ หน่วยงานภาคีที่มีบันทึกความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง และเจ้าหน้าที่กองคดีความมั่นคง ได้ร่วมประชุมวางแผนการสนธิกำลังร่วมกับกรมการท่องเที่ยว สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจท่องเที่ยว และการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่มีเหตุสงสัยว่าอาจมีการกระทำความผิด โดยมีการกำหนดจุดเข้าตรวจสอบ จำนวน 8 แห่ง รวมถึงมูลนิธิ และบริษัทปางช้าง ที่ตกเป็นข่าวในประเด็นเกี่ยวกับการเข้าในราชอาณาจักรไทยของชาวต่างชาติผู้ก่อเหตุ การประกอบธุรกิจในไทย การก่อตั้งมูลนิธิ เงินทุนที่นำมาดำเนินธุรกิจในไทย การครอบครองบ้านพักที่เกิดเหตุ
หลังจากนั้นเวลา 11.00 น. ได้ออกเดินทาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย นายชัชกร อรรณพเพ็ชร รองผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายศุภชัย คำคุ้ม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษพื้นที่ 8 และเจ้าหน้าที่ ไปยังบริเวณสถานที่เกิดเหตุ หาดยามู เพื่อตรวจสอบสภาพจุดเกิดเหตุที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการบุกรุกพื้นที่อันเป็นสาธารณประโยชน์ของแผ่นดิน
ต่อมาเวลา 15.00 น. พันตำรวจตรี ยุทธนาฯ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่บริเวณบริษัทเอสที-เวิลด์ ทราเวล(ไทยแลนด์) จำกัด ที่ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งประกอบธุรกิจนำเที่ยว เพื่อติดตามการปฎิบัติงานในการร่วมกันตรวจสอบการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดเป้าหมายที่เข้าตรวจสอบในวันนี้
จากนั้นในเวลาประมาณ 17.00 น. พันตำรวจตรี ยุทธนาฯ พร้อมคณะ ได้เข้าพบนายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีการหารือข้อราชการร่วมกับ นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนายอนุทินฯ และมอบนโยบายให้จังหวัดภูเก็ตประสานการปฎิบัติกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมสำคัญ พร้อมทั้งร่วมกันสื่อสารทำความเข้าใจกับสาธารณะชนถึงความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ปลอดภัย - ไร้อิทธิพล โดยหลังจากนี้จะมีการประสานการปฎิบัติร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเสร็จสิ้นภารกิจ เวลา 18.30 น.
การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นการปฏิบัติงานเชิงรุกตามนโยบายของรัฐบาล และ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในการอำนวยความยุติธรรมเพื่อรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งป้องกันมิให้คนต่างชาติมากระทำความผิดอาญาอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของกรมสอบสวนคดีพิเศษอีกด้านหนึ่ง “จากการลงพื้นที่วันนี้เห็นว่ามีเหตุสงสัยที่จำเป็นต้องทำการสืบสวนการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ์บริเวณแหลมยามู เนื่องจากจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสภาพความเป็นป่าและการทำประโยชน์จริงหรือไม่ อันเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกเอกสารสิทธิ์ โดยดำเนินการตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน หากเข้าข่ายก็จะรับไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษต่อไป ส่วนกรณีที่มีชาวต่างด้าวตั้งบริษัทนอมินีเพื่อประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายนั้น ได้กำชับให้กองคดีความมั่นคงสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องปรามกรณีนอมินีต่างชาติให้เกิดประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะร่วมกับจังหวัดภูเก็ตขับเคลื่อนนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีอนุทิน และของ พันตำรวจเอกทวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในการจะทำหน้าที่เฝ้าระวัง และปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นภัยกับความมั่นคงประเทศ รวมทั้งมุ่งรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อคนรุ่นหลังคืนภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวปลอดภัย - ไร้อิทธิพล” พันตำรวจตรี ยุทธนาฯ กล่าว
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- Z6P_2374.jpg
- Z6P_2419_0.jpg
- Z6P_2425_0.jpg
- Z6P_2389_0.jpg
- Z6P_2391_0.jpg
- Z6P_2392_0.jpg
- Z6P_2393_0.jpg
- Z6P_2369.jpg
- Z6P_2382_0.jpg
- Z6P_2422_0.jpg
- Z6P_2429_0.jpg
- Z6P_2431_0.jpg
- Z6P_2578.jpg
- Z6P_2584.jpg
- Z6P_2602.jpg
- Z6P_2603.jpg
- Z6P_2608.jpg
- Z6P_2523.jpg
- Z6P_2633.jpg
- Z6P_2687.jpg
- Z6P_2719.jpg
- Z6P_2724.jpg
- Z6P_2733.jpg
- Z6P_2741.jpg
- Z6P_2758.jpg
- S__24846347_0.jpg
- S__24846350_0.jpg