ดีเอสไอ สนธิกำลัง ปปส. และ สตช. เข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์ ขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ
เผยแพร่: 22 ก.ย. 2564 12:35 น. ปรับรุง: 22 ก.ย. 2564 12:35 น. เปิดอ่าน 2237 ครั้งดีเอสไอ สนธิกำลัง ปปส. และ สตช. เข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์
ขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ
ตามคำสั่งอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษเพื่อการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้มีการบูรณาการทุกหน่วยงานในการขับเคลื่อนการดำเนินการเพื่อยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ
พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจโท สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกำกับดูแล จึงได้สั่งการให้ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการพาลีปราบยา 2 และหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 33/2564 ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนพบกลุ่มผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติคนสำคัญ ซึ่งมีพฤติการณ์ฟอกเงินให้กับกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่
โดยในวันนี้ (วันพุธที่ 22 กันยายน 2564) เวลา 07.00 น. จึงได้สนธิกำลังกับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และตำรวจภูธรจังหวัดตาก เข้าค้นบริษัท ค้าอัญมณี ตั้งอยู่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามอนุมัติศาลจังหวัดแม่สอด
ที่ ค.179/2564 ลงวันที่ 21 กันยายน 2564 และในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ห้องชุดคอนโดหรู ขนาดพื้นที่ 165 ตร.ม. บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ย่านสาทร กรุงเทพมหานคร ตามอนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้
ที่ ค.151/2564 ลงวันที่ 20 กันยายน 2564
โดยปรากฏผลการสืบสวนสอบสวนว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ มีธุรกรรมต้องสงสัยและมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับเส้นทางการเงินกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งผลการตรวจสอบย้อนหลัง 9 ปี นับแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน พบว่า มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารของผู้ต้องสงสัย บุคคลใกล้ชิดและบุคคลอื่น ๆ ในห้วงเวลาเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลประกอบการของบริษัท อีกทั้งปรากฏข้อมูลรายได้ตามแบบ ภงด. 90, 91 ของผู้ต้องสงสัยนี้ มีรายได้เพียงสามแสนบาทเศษต่อปี
ผลการตรวจค้นเป้าหมาย พบทรัพย์สิน ดังนี้
1. ห้องชุด คอนโด The Star ที่สาทร กรุงเทพมหานคร มูลค่า 26 ล้านบาท
2. รถยนต์ จำนวน 2 คัน มูลค่า รวม 2,900,000 บาท (สองล้านเก้าแสนบาท)
3. รถจักรยานยนต์ 2 คัน มูลค่ารวม 1 แสนบาท
4. เงินสด สกุล บาท จำนวน 2,408,000 บาท (สองล้านสี่แสนแปดพันบาท)
5. เงินสด สกุล US ดอลลาร์ จำนวน 1,536 Usd (51,150 บาท)
6. เช็คเงินสด จำนวน 1,720,000 บาท (หนึ่งล้านเจ็ดแสนสองหมื่นบาท)
7. โฉนดที่ดิน จำนวน 2 แปลง มูลค่ารวม 10 ล้านบาท
8. เครื่องประดับ และหินสี อัญมณี ประกอบด้วย
- แหวนสีทองประดับอัญมณี จำนวน 19 วง
- ต่างหูสีทอง จำนวน 9 คู่
- กำไรสีทอง จำนวน 14 ชิ้น
- สร้อยสีทอง จำนวน 9 เส้น
- จี้เพชร จำนวน 5 ชิ้น
- เครื่องประดับใส่ข้อมือ จำนวน 2 เส้น
- สร้อยหินสีเขียว จำนวน 2 เส้น มูลค่ารวม 220,000 บาท
- หินสีคล้ายเพชร และอัญมณี จำนวนมาก
รวมจำนวน 100 กว่าชิ้น ประเมินมูลค่ารวม 600,000 บาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินที่พบประมาณ 43 ล้านบาท พฤติการณ์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 5 มาตรา 7 และมาตรา 9 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 นอกจากนี้ยังพบเอกสารธุรกิจ และหลักฐานการเงินจำนวนมาก