ชุดปฏิบัติการสืบสวนสะกดรอยและการข่าว DSI จับกุมแอดมินรับยิงแอดเว็บพนันออนไลน์เครือข่าย AK เจ้าของร้านหอย แจ้งข้อหาหนักฟอกเงิน
เผยแพร่: 23 เม.ย. 2567 13:51 น. ปรับรุง: 23 เม.ย. 2567 13:51 น. เปิดอ่าน 61 ครั้ง วันนี้ (วันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567) เวลาประมาณ 18.15 น. ชุดปฏิบัติการที่ 3 ของศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้ร่วมกันจับกุม นายชาตรี (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ จ.1981/2566 ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2566 คดีพิเศษที่ 5/2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือ ทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือ ชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือ เข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และร่วมกันฟอกเงิน
กรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 5/2566 ของกองคดียาเสพติด ซึ่งผู้ต้องหารายดังกล่าวมีพฤติการณ์ ทำหน้าที่ยิงแอดโฆษณา ชักชวนคนเล่นพนันออนไลน์ และทำหน้าที่เป็นแอดมินให้กับเจ้าของร้านหอยชื่อดัง ในคดีพิเศษที่ 5/2566 คณะพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาหลายรายส่งพนักงานอัยการ ไปก่อนหน้านี้แล้ว และมีผู้ต้องหาหลายรายหลบหนีหมายจับไปตั้งแต่ระหว่างสอบสวน สำหรับผู้ต้องหา รายดังกล่าวนี้ได้หลบหนีไปพร้อมเจ้าของกิจการ ซึ่งได้หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บริเวณด้านข้างตลาดสุวรรณเกลียวทอง หทัยราษฏร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ในการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้ผู้ถูกจับกุมทราบ รวมทั้งแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว และได้ควบคุมตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองคดียาเสพติด ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป การดำเนินการในการติดตามจับบกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงการบังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดในอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป