ชุดปฏิบัติการสืบสวนสะกดรอย DSI จับนายหน้าคดีค้ามนุษย์คาด่านสะเดา จังหวัดสงขลา
เผยแพร่: 14 ก.พ. 2567 11:04 น. ปรับรุง: 14 ก.พ. 2567 11:07 น. เปิดอ่าน 1160 ครั้งชุดปฏิบัติการสืบสวนสะกดรอย DSI จับนายหน้าคดีค้ามนุษย์คาด่านสะเดา จังหวัดสงขลา
วานนี้ (วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567) เวลาประมาณ 12.40 น. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของนายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว นำโดยนายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผู้อำนวยการส่วนสะกดรอยและการข่าว พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 1 ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด่านพรมแดนอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลาร่วมกันจับกุมนางสาวพิมพา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 3410/2566 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ในคดีพิเศษที่ 225/2565 ในความผิดฐานค้ามนุษย์ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 6 มาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 11 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 มาตรา 310 และมาตรา 320 ประกอบมาตรา 83
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก มูลนิธิพิทักษ์สตรี (ALLiance Anti Trafic (AAT)) ได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายอาสาสมัคร กรณีมีหญิงไทยจำนวน3คน ร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากมีนายหน้าเป็นหญิงไทยหลอกลวงชักชวนไปทำงานที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อไปถึงเมืองต้นผึ้งแขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ถูกนำไปแสวงหาประโยชน์ในลักษณะบังคับใช้แรงงานโดยบังคับให้ทำงานในลักษณะเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์โรมานซ์สแกรมโดยการโทรศัพท์หลอกลวงให้เหยื่อหลงรัก จากนั้นจะชักชวนเหยื่อให้ลงทุน หรือโอนผลประโยชน์ให้โดยผู้เสียหายอยู่ในสภาพถูกบังคับ อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์พ.ศ. 2551 โดยกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนกระทั่งสามารถช่วยเหลือหญิงชาวไทยทั้ง 3 รายกลับมาได้โดยปลอดภัย และได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ และขยายผลจนกระทั่งสามารถขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 5 รายเป็นชาวไทย 3 ราย และชาวจีน จำนวน 2 รายซึ่งผู้ต้องหาที่จับได้ตามหมายจับศาลอาญาในวันนี้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการมีหน้าที่เป็นนายหน้าชักชวนผู้เสียหายไปทำงานฯ และก่อนหน้านี้ได้มีการจับกุม ผู้ต้องหา 2 คน ซึ่งมีหน้าที่ลักลอบนำพาผู้เสียหายข้ามไปทำงานที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและได้ดำเนินการส่งฟ้องเรียบร้อยแล้ว
โดยเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้ที่บริเวณช่องตรวจขาเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงและไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 วรรคหนึ่ง และวรรคสองประกอบมาตรา7/1 พร้อมแจ้งว่าต้องถูกจับกุมและถูกนำตัวไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามมาตรา22 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายพ.ศ.2565 ให้ผู้ต้องหาตามหมายจับทราบแล้วและได้ประสานให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการค้ามนุษย์ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีมารับตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป