DSI ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดกระบี่ ตรวจสอบสภาพโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม ของกลางในคดีกรณีการทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่จำกัด เล็งดำเนินการตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมในการนำของกลางมาใช้ประโยชน์ในราชการ

เผยแพร่: 23 เม.ย. 2567 9:30 น. ปรับรุง: 23 เม.ย. 2567 9:38 น. เปิดอ่าน 48 ครั้ง  
 

    วานนี้ (22 เมษายน 2567) เวลา 09:00 น.  พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  มอบหมายให้ พันตำรวจตรี จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการ        กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค พร้อมด้วย พันตำรวจตรี สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการพิเศษ  ร้อยตำรวจเอก ชาญณรงค์ ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค พร้อมคณะพนักงานสอบสวน     คดีพิเศษ โดยมีนายอนุวรรตน์  โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และหน่วยงานราชการในจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ นิคมสหกรณ์อ่าวลึก นิคมสหกรณ์คลองท่อม กรมราชทัณฑ์ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดกระบี่ กรมการปกครอง กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมชลประทาน   นาวิกโยธิน กองทัพเรือ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ ร่วมกันเข้าตรวจสอบของกลางที่ได้ถูกอายัดไว้ในคดีพิเศษที่ 56/2566 กรณีการทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด ประกอบด้วย โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม เครื่องจักรกล และทรัพย์สินภายในอาคารโรงงานตามบัญชีของกลางคดีอาญา ณ ตำบลคลองท่อมเหนือ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่  ซึ่งบริษัท กระบี่วิเศษ น้ำมันปาล์ม จำกัด เป็นผู้ใช้ประโยชน์ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2565 เป็นต้นมา โดยในการตรวจสอบครั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีหนังสือถึงกรรมการผู้จัดการ บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด ผู้ใช้ของกลางให้เตรียมโรงงานให้อยู่ในสภาพครบถ้วนสมบูรณ์ ภายในวันที่ 21 เมษายน 2567 เพื่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ให้วิศวกรโรงงาน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องจักรกลจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ร่วมตรวจสอบเครื่องจักรกลของกลางทุกชิ้น  โดยมีตัวแทนกรรมการผู้จัดการ บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด เป็นผู้นำตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าของกลางถูกต้องครบถ้วน คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ปิดป้ายบริเวณพื้นที่โรงงานประกาศว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของกลางในคดี เพื่อจะได้ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงยุติธรรม  ว่าด้วยการนำของกลางออกขายทอดตลาดหรือนำไปใช้ประโยชน์ของทางราชการ พ.ศ. 2547 ต่อไป

กรณีการทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่จำกัดดังกล่าว แต่เดิมกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 215/2565 และตรวจยึดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อมตลอดจนเครื่องจักรและทรัพย์สินในโรงงานดังกล่าวเป็นของกลางในคดี จากการสืบสวนสอบสวนน่าเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) บางราย ร่วมกันทุจริตทำให้ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ธนาคารเพื่อการการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะเจ้าหนี้  ได้รับความเสียหาย จึงส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ประชุมพิจารณาสำนวนคดีแล้วมีมติมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป  โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 56/2566 ซึ่งมี ร้อยตำรวจเอก ชาญณรงค์ฯ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว

โดยหลังจากนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 56/2566 จะได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและจะทำหน้าที่ประสานงานและจัดการประชุมร่วมระหว่างชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ธ.ก.ส. และบริษัท กระบี่วิเศษ น้ำมันปาล์ม จำกัด เพื่อหาแนวทางและข้อตกลงในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน เพื่อประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในจังหวัดกระบี่และพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากเป็นคดีนโยบายที่ พันตำรวจเอก ทวี  สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญได้สั่งการให้อำนวยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และ พันตำรวจยุทธนาฯ ได้กำชับให้ทำการสอบสวนอย่างรอบคอบ รัดกุมและรวดเร็วเพราะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เป็นอย่างมาก และให้พิจารณานำของกลางมาใช้เพื่อประโยชน์ในทางราชการ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 28 อันเป็นที่มาของการดำเนินการในเรื่องนี้


เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ