DSI นําสํานวนการสอบสวนคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ ส่งพนักงานอัยการดําเนินการตามกฎหมาย

เผยแพร่: 24 ธ.ค. 2562 12:15 น. ปรับรุง: 24 ธ.ค. 2562 12:25 น. เปิดอ่าน 2938 ครั้ง  
 

DSI นําสํานวนการสอบสวนคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ
ส่งพนักงานอัยการดําเนินการตามกฎหมาย

         ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย เป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตาม พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 โดยเป็นคดีพิเศษที่ 13/2562 ทางคดีมีการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งพบชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะมนุษย์และ ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ที่ถูกผ่านความร้อน บริเวณใต้น้ำกลางสะพานแขวนในเขตที่ทำการอุทยานแห่งชาติ แก่งกระจาน โดยผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบคำให้การบุคคลที่เกี่ยวข้อง รับฟังได้ว่ากระดูกที่พบเป็นของนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ และถึงแก่ความตายแล้ว ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในช่วงเวลาเกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติ ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคา, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และ นายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ รวม 4 คน ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทาความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความผิด เกี่ยวกับการเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 นายชัยวัฒน์ฯ กับพวก ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามหมายจับศาล ภายหลังการแจ้งข้อกล่าวหา และสอบสวนปากคำแล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำตัวบุคคลทั้งสี่ไปขออำนาจศาลออกหมายขังไว้ ระหว่างการสอบสวนและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยศาล ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแล้ว นั้น

         คดีนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่คน แสดงข้อเท็จจริง และนำพยานหลักฐานที่พิสูจน์ว่าตนบริสุทธิ์มามอบ เพื่อให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษรวบรวมไว้ในสำนวนการ สอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย ภายในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่คนไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงหรือหลักฐานใดเพื่อแก้ข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ต่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแต่อย่างใด คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพยาน ด้านนิติวิทยาศาสตร์และพยานอื่นๆ จนเสร็จสิ้นและเห็นว่าการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จึงสรุปสำนวนการ สอบสวนพร้อมความเห็นเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อมีความเห็นทางคดีส่งพนักงานอัยการตาม กฎหมาย บัดนี้ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีความเห็นทางคดีในเรื่อง ดังกล่าวแล้ว และเมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2562 ได้มอบหมายให้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในเรื่องนี้ พร้อมคณะ นำสำนวนการสอบสวนคดีนี้ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

          ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งผลกระบวนการสอบสวน แนะนำให้ข้อมูลและความช่วยเหลือกับผู้เสียหาย ตามปฏิญญาว่าด้วยหลักความยุติธรรมขั้นพื้นฐานสำหรับผู้เสียหายหรือเหยื่ออาชญากรรม และการใช้อำนาจโดยมิชอบ (Declaration of Basic Principles of Justice for Victims of Crime and Abuse of Power) ก่อนส่งสำนวนการสอบสวนแล้ว

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ