DSI รับสำนวนคดี Nice Review : บูรณาการ ปปง. และ สตช. ปราบปรามเข้ม คุ้มครองผู้เสียหาย !
เผยแพร่: 24 ธ.ค. 2562 15:49 น. ปรับรุง: 24 ธ.ค. 2562 15:49 น. เปิดอ่าน 5314 ครั้งDSI รับสำนวนคดี Nice Review : บูรณาการ ปปง. และ สตช. ปราบปรามเข้ม คุ้มครองผู้เสียหาย !
วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00 น. พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ พลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษรับมอบสำนวนคดีแชร์ลูกโซ่ บริษัท เอนเนอร์จี ดีดักชั่น จำกัด หรือแชร์ Nice Review จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากบริษัท เอนเนอร์จี ดีดักชั่น จำกัด หรือแชร์ Nice Review ซึ่งมีพฤติการณ์ชักชวนประชาชนทั่วไปที่ใช้ระบบสังคมออนไลน์ (Facebook) ให้กดถูกใจ กดแบ่งปัน และแสดงความคิดเห็นเชิงบวกแก่งานโฆษณาบนระบบเฟซบุ๊กที่บริษัทเตรียมไว้ในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสมัครสมาชิก ด้วยอัตราที่สูงและจะมีรหัสให้ และมีการกำหนดค่าตอบแทนเป็นลำดับชั้น
เป็นเงินสดในช่วงแรกและเปลี่ยนมาจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นเงินสกุล NRV ที่มีมูลค่าลดลงจนเหลือมูลค่า 0 บาท โดยต่อมา มีประชาชนผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลโคกคราม และสถานีตำรวจท้องที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ทางการสอบสวนของพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า การประกอบธุรกิจดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือแชร์ลูกโซ่ ภายหลังมีการร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าหลักเกณฑ์ จึงมีคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 161/2562 เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยพันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เป็นผู้รับผิดชอบกรณีดังกล่าว
ในวันนี้ พลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อส่งมอบสำนวนการสอบสวนกรณีดังกล่าว ให้กับ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และหารือแนวทางการบูรณาการเพื่อสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว โดยจนถึงปัจจุบันพบว่ามีผู้เสียหายจำนวน 2,060 ราย มูลค่าความเสียหายทั้งหมด 368,677,861.86 บาท
พร้อมกันนี้ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เชิญ พลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาร่วมหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ยึดและอายัดได้ เนื่องจากความผิดในเรื่องนี้ เป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ด้วย
ผลการหารือระหว่าง กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีความเห็นร่วมกันจะบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะสนับสนุนการสอบปากคำพยานผู้เสียหาย และการสืบสวนภายใต้พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จะพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยพลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงาน ปปง. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็มีการบูรณาการในการติดตามยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ตลอดจนความผิดในคดีพิเศษอื่น ๆ ที่เป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาโดยตลอด ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจะพิจารณาใช้มาตรการเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายตามพระราชบัญญัติดังกล่าวในมาตรา 49 ที่ให้สำนักงานฯ นำคดีส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน และผู้เสียหายสามารถร้องต่อสำนักงานฯ เพื่อขอทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมาเยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหายต่อไป
การดำเนินการดังกล่าวข้างต้น เป็นการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อันเป็นการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน และเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมสำคัญ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ ผู้เสียหายทุกท่านสามารถลงทะเบียนข้อมูลผ่านระบบคิวอาร์โค้ดที่หน้าเว็บไซต์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนภายในวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562 นี้ เท่านั้น เนื่องจากมีกำหนดระยะเวลาในการส่งสำนวน พร้อมตัวผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการเพื่อจะได้มีข้อมูลสอบทานจำนวนผู้เสียหายและความเสียหาย
กรมสอบสวนคดีพิเศษขอย้ำเตือนไปยังผู้เสียหายและพยาน ขอให้ร่วมมือให้ข้อเท็จจริงแก่เจ้าหน้าที่เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะผู้เสียหาย ขอให้ดำเนินการตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ขอให้มาแจ้งความร้องทุกข์โดยเร็ว เพื่อไม่ให้เสียสิทธิได้รับการเฉลี่ยทรัพย์ อีกทั้งการดำเนินคดีอาญาภายหลังจากที่มีการสอบสวนคดีนี้เสร็จสิ้นไปแล้วอาจมีปัญหาในข้อกฎหมาย ทั้งนี้ หากมีเบาะแสในเรื่องดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือโทรสายด่วน DSI Call Center 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรักษาข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ