DSI สนธิกำลังร่วม กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ บรรจุสุกรแช่แข็ง จำนวน 161 ตู้ ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
เผยแพร่: 5 ก.ค. 2566 14:44 น. ปรับรุง: 5 ก.ค. 2566 16:09 น. เปิดอ่าน 402 ครั้งDSI สนธิกำลังร่วม กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ บรรจุสุกรแช่แข็ง จำนวน 161 ตู้ ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
วันนี้ (วันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2566) พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ นายวาริส วิสารทานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการตรวจสอบสินค้า สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง นายสัตวแพทย์ บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายศรัณย์พงศ์ ฟุ้งเกียรติ รองเลขาธิการสภาเกษตรแห่งชาติ พันตำรวจเอก ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รองผู้บังคับการภูธรจังหวัดชลบุรี และพันตำรวจเอก ปพรพัชร์ ใบยา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และเจ้าหน้าที่ส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำอากาศยานไร้คนขับที่ติดกล้องบันทึกภาพความร้อน (Thermal Sensor) เพื่อร่วมตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสุกรแช่แข็ง จำนวน 161 ตู้ ซึ่งสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังได้ตรวจยึดไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีการนำเข้าสุกรแช่แข็ง ซึ่งเป็นของควบคุมการนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ เพื่อทำการขยายผลการนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศที่ไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร โดยมีคณะทำงานโครงการท่าเรือสีขาว การท่าเรือแห่งประเทศไทย พื้นที่ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง คอยอำนวยความสะดวกตลอดการปฏิบัติการในครั้งนี้
ในเรื่องนี้ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้มีหนังสือขอให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดี ต่อมากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจจึงได้มีหนังสือส่งเรื่อง
มายังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณาดำเนินการ และในเรื่องเดียวกัน สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ พร้อมด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เคยให้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นและยื่นหนังสือ ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณารับเป็นคดีพิเศษด้วยอีกส่วนหนึ่ง ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนนี้ ซึ่งต่อมาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาและมีคำสั่งให้รับกรณีนี้ไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏข้อเท็จจริงว่า สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้ทำการสำรวจของค้างบัญชีเรืออยู่ในอารักขาของศุลกากรเกินกำหนดเวลา 30 วัน จึงได้ออกเอกสารบัญชีของค้างบัญชีเรือ (LIST A) โดยไม่มีใบขนสินค้าอันได้รับรองและไม่ได้เสียอากรหรือวางเงินประกันค่าอากรหรือวางเงินประกันค่าอากรที่พึงเรียกเก็บแก่ของนั้น และได้แจ้งไปยังตัวแทนเรือและผู้รับตราส่งตามที่ระบุไว้ในบัญชีเรือเพื่อให้มีการชำระอากรหรือวางประกันค่าอากรภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่เมื่อครบระยะเวลา ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดมาแสดงความเป็นเจ้าของ จึงทำการเปิดสำรวจ และพบสินค้าประเภทสุกรแช่แข็ง ซึ่งเป็นของควบคุมการนำเข้าตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 โดยสินค้าดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ จึงเป็นการนำเข้าโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 อันเป็นความผิดฐานหลีกเลี่ยงข้อจำกัดและเป็นของอันพึงต้องริบตามกฎหมายศุลกากร ผลการประเมินราคาสินค้าทั้งหมดมีมูลค่าราคารวมค่าภาษีอากร รวมเป็นเงิน 460,105,947.38 บาท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะได้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษต่อไป